ยอดพลเรือนบาดเจ็บพุ่ง สถานพยาบาลชายแดนปิด 12 แห่ง เหตุปะทะยังไม่ยุติ
ยอดบาดเจ็บจากเหตุสู้รบชายแดนพุ่ง 52 ราย สถานพยาบาลปิดบริการ 12 แห่ง
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.30 น. กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์ผลกระทบต่อพลเรือนจากเหตุสู้รบระหว่างไทย–กัมพูชาในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยระบุว่า ยอดผู้บาดเจ็บรวมเพิ่มขึ้นเป็น 52 ราย แบ่งเป็น
- เสียชีวิต 14 ราย
- บาดเจ็บสาหัส 12 ราย
- บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย
- บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย
จำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานอีก 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในจังหวัดศรีสะเกษโดยตรง
ผู้ป่วยยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 16 ราย
ในจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังต้องนอนรักษาตัว (Admit) อยู่ 16 ราย แบ่งตามระดับความรุนแรงได้ดังนี้
- ผู้บาดเจ็บสาหัส 11 ราย
- บาดเจ็บปานกลาง 5 ราย
ก่อนหน้านี้ มีผู้ที่อาการดีขึ้นและได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านแล้วจำนวน 9 ราย
สถานพยาบาลชายแดนได้รับผลกระทบ 19 แห่ง ปิดบริการทั้งหมดแล้ว 12 แห่ง
จากการตรวจสอบ พบว่าโรงพยาบาลชายแดนที่ได้รับผลกระทบมีทั้งหมด 19 แห่ง โดยในจำนวนนี้
- ปิดบริการทั้งหมดแล้ว 12 แห่ง (เพิ่มจากเมื่อวาน 1 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ที่ปรับจากปิดบางส่วนเป็นปิดทั้งหมด)
- ปิดบางส่วน 7 แห่ง ซึ่งบางแห่งเปิดเฉพาะห้องฉุกเฉิน (ER)
จังหวัดที่มีสถานพยาบาลได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ สุรินทร์ (5 แห่ง), บุรีรัมย์ (4 แห่ง) และสระแก้ว (3 แห่ง)
พื้นที่การปะทะยังคงขยายตัว
ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์ในช่วงเช้าของวันที่ 28 ก.ค. ยังมีการปะทะเกิดขึ้นในหลายจุด ได้แก่
- บริเวณช่องจอม จ.สุรินทร์
- พื้นที่เขาพระวิหาร และปราสาทโดนตวล จ.ศรีสะเกษ
- ช่องอานม้า และช่องบก จ.อุบลราชธานี
โดยฝ่ายไทยยังคงปฏิบัติการตอบโต้ด้วยการยิงทำลายอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา และป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายไทยควบคุมไว้ พร้อมประสานการปฏิบัติกับกองทัพอากาศอย่างใกล้ชิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สธ.เผยยอดพลเรือนเสียชีวิต 13 ราย สั่งวางแผนรับอาวุธพิสัยไกล
- CPALL ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
- "สมศักดิ์" พบเอกชนพังงา ชู "เมืองหลวงเวลเนสอันดามัน" แหล่งรายได้ใหม่ โกยปีละ 6 หมื่นล้าน
- "สมศักดิ์" ลุยลด NCDs ปลื้มลดยา-ลดงบประมาณ 615 ล้านต่อปี
- “ฝีดาษวานร” ปี 68 แนวโน้มลดลง แต่ยังเฝ้าระวังหลังพบผู้ป่วย 40 ราย