สรุปลำดับเหตุการณ์ไทย–กัมพูชา จากชายแดนตึงเครียดสู่ข้อตกลงหยุดยิง 28 ก.ค.
ลำดับเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ตึงเครียดถึงหยุดยิง
ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในปี 2568 ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่เป็นผลสะสมจากหลายเหตุการณ์ที่ค่อย ๆ สะสมความตึงเครียดตลอดหลายเดือน จนกระทั่งลุกลามเป็นการปะทะด้วยอาวุธในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ความรุนแรงตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จึงควรถูกพิจารณาในภาพรวมของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงก่อนเกิดความรุนแรง
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
ทหารไทยขัดขวางนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่พยายามร้องเพลงชาติในบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่พิพาท จังหวัดสุรินทร์ เหตุการณ์นี้สร้างกระแสไม่พอใจอย่างมากในกัมพูชา และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่จุดชนวนทางสัญลักษณ์และความรู้สึกทางประวัติศาสตร์
วันที่ 28 พฤษภาคม 2568
เกิดเหตุปะทะสั้น ๆ ที่บริเวณสามเหลี่ยมมรกต จังหวัดอุบลราชธานี โดยกินเวลาประมาณ 10 นาที มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นผู้เริ่มก่อน ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางตามแนวชายแดน
การตอบโต้ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
วันที่ 17 มิถุนายน 2568
รัฐบาลกัมพูชาประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจำพวกผลไม้และเนื้อหาสื่อบันเทิงจากไทย โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคงทางวัฒนธรรมและสถานการณ์ชายแดน
ระหว่างวันที่ 21 ถึง 23 มิถุนายน 2568
ประเทศไทยสั่งปิดจุดผ่านแดนหลายแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่กัมพูชาตอบโต้ด้วยการปิดชายแดนฝั่งตนเองและระงับการนำเข้าน้ำมันจากไทย ทำให้เศรษฐกิจชายแดนทั้งสองฝั่งได้รับผลกระทบในวงกว้าง
วันที่ 4 กรกฎาคม 2568
เกิดเหตุเผชิญหน้าทางวาจาระระหว่างทหารไทยและกัมพูชาบริเวณเขตพิพาทจังหวัดศรีสะเกษ แม้ไม่มีการใช้กำลังแต่เป็นอีกหนึ่งจุดที่บ่งชี้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มสูง
การปะทะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
วันที่ 23 กรกฎาคม 2568
รัฐบาลไทยประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา พร้อมกับเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับประเทศ
วันที่ 24 กรกฎาคม 2568
เกิดเหตุการณ์ตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่ายบินเข้าพื้นที่บริเวณใกล้แนวรั้วลวดหนามใกล้ปราสาทตาเมือนธม จากนั้นไม่นานเกิดการสู้รบขึ้นหลายจุดตลอดแนวชายแดน ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าตนถูกโจมตีก่อน ส่วนฝ่ายไทยยืนยันว่าถูกยิงด้วยอาวุธเบาและหนักก่อนหน้านั้น ยอดผู้เสียชีวิตเบื้องต้นประกอบด้วยทหารไทย 21 นาย และทหารกัมพูชา 13 นาย
ความรุนแรงขยายตัวและพลเรือนได้รับผลกระทบ
ระหว่างวันที่ 25 ถึง 27 กรกฎาคม 2568
การสู้รบขยายวงจากจุดพิพาทเข้าสู่พื้นที่ปราสาทพระวิหารและบ้านตาควาย จังหวัดสุรินทร์ มีการใช้จรวด BM-21 จากฝั่งกัมพูชายิงเข้าพื้นที่ของไทย และกองทัพไทยส่งเครื่องบิน F-16 เข้าสนับสนุนภาคพื้นดิน
มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งในหมู่ทหารและพลเรือน อาคารบ้านเรือน โรงเรียน รวมถึงโบราณสถานบางแห่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก ศูนย์พักพิงชั่วคราวเปิดรับประชาชนที่อพยพจากพื้นที่ชายแดนจำนวนหลายหมื่นคน
การเจรจานำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิง
วันที่ 28 กรกฎาคม 2568
การสู้รบยังดำเนินต่อเนื่องในช่วงเช้า แต่ในช่วงบ่ายตัวแทนรัฐบาลไทยและกัมพูชาได้เข้าร่วมการเจรจาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีมาเลเซียทำหน้าที่เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย ร่วมด้วยผู้สังเกตการณ์จากอาเซียน สหรัฐอเมริกา และจีน
ผลจากการเจรจานำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว 24 ชั่วโมง โดยมีผลตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 29 กรกฎาคม เพื่อเปิดทางให้เกิดการหารือในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ JBC และเน้นย้ำเรื่องการคุ้มครองพลเรือนและการเปิดทางช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
สรุปเหตุการณ์และบทเรียน
เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในปี 2568 ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลจากการสั่งสมของความขัดแย้งหลายมิติ ทั้งในเชิงพื้นที่ วัฒนธรรม ชาติพันธุ์ และความสัมพันธ์ทางการทูต สัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ เช่น ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทพระวิหาร ถูกนำมาใช้ประกอบการแสดงออกเชิงอำนาจและอธิปไตย จนพัฒนาเป็นความรุนแรงที่มีผลกระทบทั้งทางทหารและพลเรือนในระดับสูง ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะยอมเปิดการเจรจาในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไทย–กัมพูชา ตกลง “หยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข” เริ่มคืนนี้
- ไทยย้ำสิทธิ์ป้องกันตนตามกฎบัตรยูเอ็น – ยึดหลักมนุษยธรรมแม้ในภาวะสงคราม
- “ภูมิธรรม” บินเจรจา “ฮุน มาเนต” ที่มาเลย์ ย้ำหยุดยิง–คงอธิปไตยไทย
- ภัยพิบัติสงคราม คืออะไร ส่งผลอย่างไร และรัฐรับมืออย่างไร
- ไทย–กัมพูชาเตรียมหารือ! "ภูมิธรรม–ฮุน มาเนต" เจอกันพรุ่งนี้ที่มาเลย์