“สุริยะ” ถอนเรื่อง “จัดหาขบวนรถโดยสาร-หัวรถจักร” ทบทวนใหม่ สั่งเจรจา หยุดส่งเอกสารไปมา
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) โดยกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบภายในประเทศ จำนวน 946 คัน วงเงินรวม 2,459,975,562 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้การจัดหารถ บทต. จะช่วยปรับปรุงคุณภาพ และเพิ่มบทบาทการให้บริการขนส่งสินค้า ตลอดจนการใช้ประโยชน์ของโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเพิ่มจำนวนขบวนรถสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางราง หลังจากนี้ รฟท. จะจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะเปิดประมูลเดือน พ.ค. 2569
สำหรับโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าครั้งนี้ จะส่งมอบเป็น 5 ลอต ดังนี้ ลอต 1 จำนวน 154 คัน คาดว่าจะเริ่มทดลองวิ่งได้ในเดือน ต.ค. 2570 มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางไอซีดี-แหลมฉบัง ช่วงเดือน ม.ค. 2571, ลอต 2 จำนวน 165 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหนองคาย-แหลมฉบัง 132 คัน และอรัญประเทศ-แหลมฉบัง 33 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือน ม.ค. 2572, ลอต 3 จำนวน 198 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางเชียงของ-แหลมฉบัง 99 คัน และนครพนม-แหลมฉบัง 99 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือน ม.ค. 2573, ลอต 4 จำนวน 264 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหนองคาย-แหลมฉบัง คาดว่าเป็นช่วงเดือน ม.ค. 2574 และลอต 5 จำนวน 165 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหาดใหญ่-แหลมฉบัง 99 คัน และอุบลราชธานี-แหลมฉบัง 66 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือน ม.ค. 2575
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ บริการเชิงพาณิชย์ พร้อมอะไหล่ 184 คัน วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท, โครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษ และรถด่วน 182 คัน วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท และโครงการจัดหาหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า 113 คัน วงเงิน 2.3 หมื่นล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้ได้นำเรื่องทั้ง 3 โครงการกลับมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์, สำนักงบประมาณ และกระทรวงคมนาคม เพื่อสอบถามความคิดเห็นก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งเสนอไปนานแล้วแต่ไม่เคยผ่าน
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ได้มอบให้ รฟท. นำทั้ง 3 โครงการกลับมาทบทวน พร้อมทั้งแก้ไขปรับปรุงให้ข้อมูลสมบูรณ์ทุกด้าน ไม่ให้เกิดข้อคำถามอีก รวมทั้งให้แต่ละหน่วยงาน โดยเฉพาะสภาพัฒน์ จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาพูดคุยกันกับ รฟท. จะทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาส่งแต่ข้อมูลเอกสารเพิ่มเติมตอบกันไปมา อาทิ เรื่องความคุ้มค่า อาจยังไม่ชัดเจน คาดว่าจะใช้เวลาทบทวน 3-4 เดือน จากนั้นจะส่งไปสอบถามความคิดเห็นทั้ง 3 หน่วยงานอีกครั้ง ก่อนเสนอ ครม. ทั้งนี้ให้ รฟท. เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะทางคู่ระยะที่ 1 ทยอยเปิดบริการแล้ว ขณะที่ขบวนรถซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญกลับมีไม่เพียงพอ