คนกัมพูชายอมรับต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เมื่อสินค้าไทยหายไปจากตลาด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ว่า นายสวน รุน ชาวกรุงพนมเปญ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส ว่าเดินทางไปตามซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าปลีกหลายแห่งในเมืองหลวง เพื่อหาซื้อ "นมดัชมิลล์สุดโปรด" แต่ยังคงต้องผิดหวัง เนื่องจากไม่มีร้านค้าแห่งใดวางขายนมยี่ห้อดังกล่าวจากไทยแล้ว
นายสวน รุน กล่าวว่า เข้าใจว่า ถึงเวลาที่ชาวกัมพูชาต้องปรับตัวครั้งใหญ่ แต่ยอมรับว่าอดผิดหวังไม่ได้ ที่การชงกาแฟในยามเช้าของตัวเอง จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
รายงานของขแมร์ ไทม์ส ระบุว่า ก่อนที่ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะสั่งห้ามการนำเข้าสินค้าทุกประเภทของไทย เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ตของดัชมิลล์ มีส่วนแบ่งมากกว่า 30% ในตลาดผลิตภัณฑ์นมของกัมพูชา และได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชนในประเทศ
ขณะที่นายโจเซฟ เดอซิลวา ครูชาวศรีลังกา ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญมานานกว่า 10 ปี กล่าวว่า ยังไม่สามารถคิดภาพการใช้ชีวิตโดยไม่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" ของไทยได้เลย
ด้านนายสินุ คีเลอร์ หนึ่งในนายหน้าสินค้าไทยในกัมพูชา กล่าวว่า ยังไม่เชื่อว่า มาตรการห้ามนำเข้าสินค้าไทย "จะมีผลบังคับใช้อย่างเด็ดขาดและจริงจัง" จริงอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียด จนทำให้ห่วงโซ่อุปทานต้องชะงัก แต่โดยส่วนตัวเขามองว่า มาตรการแบนที่รัฐบาลกัมพูชาประกาศนั้น "ยังคงคลุมเครือ"
ส่วนแหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้จัดการสาขากัมพูชา ของบริษัทยาและเครื่องสำอางรายใหญ่แห่งหนึ่งของไทย กล่าวว่า "ไม่มีการห้ามสินค้าไทยในกัมพูชาแต่อย่างใด" สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เป็นผลจากการระงับนำเข้าสินค้าเฉพาะทางบกเท่านั้น แต่บริษัทยังคงส่งสินค้าเข้าสู่กัมพูชาผ่านทางทะเล ซึ่งหลายบริษัททำเช่นนี้ สินค้าหลายอย่างจึงเดินทางถึงกัมพูชาล่าช้าไปบ้าง
ขณะที่ผู้จัดการของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์จากเวียดนาม มาเลเซีย และออสเตรเลีย เริ่มเข้ามาแทนที่สินค้าไทย และเชื่อมั่นว่า ท้ายที่สุดชาวกัมพูชาจะปรับตัวได้.
เครดิตภาพ : AFP