ดอลลาร์เริ่มสั่นคลอน? “ผู้นำแบงก์ชาติ” ถกอนาคตเศรษฐกิจโลกที่โปรตุเกส ท่ามกลางแรงกดดันจากทรัมป์
ผู้นำธนาคารกลางสหรัฐ ยูโรโซน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ร่วมประชุมใหญ่ที่โปรตุเกส ท่ามกลางคำถามใหญ่ “ระบบการเงินโลกที่ยึดโยงกับดอลลาร์กำลังถึงจุดเปลี่ยนหรือไม่” หลังทรัมป์เดินหน้าแนวนโยบายปกป้องผลประโยชน์-กดดันเฟด
วันที่ 30 มิถุนายน 2568 เวลา 14.08 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำถามใหญ่ระดับล้านดอลลาร์กำลังรอการถกเถียงจากบรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางชั้นนำของโลก เมื่อพบกันที่เมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส ในค่ำวันจันทร์นี้ นั่นคือ “ระบบการเงินโลกที่ผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ กำลังเริ่มสั่นคลอนหรือไม่?”
ผู้นำธนาคารกลางจากสหรัฐ ยูโรโซน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะใช้เวทีการประชุมประจำปีของธนาคารกลางยุโรป (ECB) นี้ เพื่อแสดงมุมมองเกี่ยวกับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าโลก และสงครามในตะวันออกกลางต่อแนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโตเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตามด้วยเงินเฟ้อที่ดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การควบคุมในหลายประเทศ ประเด็นที่ลึกกว่าและมีแนวโน้มจะครองการสนทนา คือ ความเสี่ยงที่นโยบายเศรษฐกิจแนวปกป้องผลประโยชน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน อาจนำไปสู่จุดจบของระบบการเงินโลกที่ยึดโยงกับเงินดอลลาร์ ซึ่งดำรงอยู่มานานกว่า 80 ปี
อิซาเบล มาเตโอส อี ลาโก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก BNP Paribas ซึ่งจะเข้าร่วมการประชุมกล่าวว่า“เหมือนกับทุกคน ธนาคารกลางกำลังพยายามทำความเข้าใจว่าโลกเรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน …ดูเหมือนทุกคนเริ่มตระหนักแล้วว่า เราคงไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ คำถามจึงอยู่ที่ว่า คุณจะบริหารนโยบายการเงินอย่างไรในสภาพแวดล้อมเช่นนี้?”
นักลงทุนจะจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเวทีอภิปรายร่วมวันอังคารนี้ ที่จะมี เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด, คริสตีน ลาการ์ด ประธาน ECB, ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลีใต้ ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง
ในกลุ่มนี้พาวเวลถูกจับตาเป็นพิเศษ หลังจากถูกทรัมป์กดดันอย่างหนักให้ลดดอกเบี้ย แต่จนถึงขณะนี้ เขายังคงยืนกรานต่อต้านแรงกดดันจากทำเนียบขาว ความกังวลว่าความเป็นอิสระของเฟดอาจถูกสั่นคลอน จะกระทบต่อสถานะของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินหลักของโลก ซึ่งเป็นที่นิยมในการซื้อขาย ออมทรัพย์ และการลงทุน
แม้ว่าตำแหน่งของพาวเวลจะมั่นคงขึ้นจากคำตัดสินล่าสุดของศาลสูงสหรัฐ แต่เขายังเผชิญกับคณะกรรมการ FOMC ที่มีแนวคิดแตกต่างกันมากขึ้น อีกทั้งทรัมป์อาจประกาศชื่อผู้สืบตำแหน่งพาวเวลล์ล่วงหน้าก่อนครบวาระเดือนพฤษภาคมปีหน้า ซึ่งอาจบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเฟด
นักเศรษฐศาสตร์จาก Investec ระบุว่า “หากตลาดมองว่าผู้สืบตำแหน่งคนใหม่พร้อมโอนอ่อนตามความต้องการของทรัมป์ นั่นจะทำลายความเป็นอิสระของเฟดในการกำหนดนโยบาย”
ความกังวลเหล่านี้ กดดันค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี โดยล่าสุดอยู่ที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อยูโร
ด้าน คริสตีน ลาการ์ด ประธาน ECB อยู่ในจุดที่ต่างจากผู้นำ ECB คนก่อนอย่างมาริโอ ดรากี ที่เคยเผชิญข่าวลือเรื่องยูโรโซนจะล่มสลาย เพราะวันนี้ลาการ์ดกำลังใช้จุดอ่อนของเงินดอลลาร์เป็นโอกาสส่งเสริมยุคของยูโร
แม้ว่ายูโรจะยังเป็นเพียงเบอร์สองของโลกด้านเงินสกุลสำรอง รองจากดอลลาร์ และการจะท้าทายดอลลาร์ได้นั้น สหภาพยุโรปต้องมีการบูรณาการทางการเงิน เศรษฐกิจ และการทหารมากกว่าที่เป็นอยู่ ผลสำรวจของ OMFIF พบว่าธนาคารกลางทั่วโลก 16% มีแผนเพิ่มการถือครองยูโรใน 12-24 เดือนข้างหน้า แม้ยูโรจะยังตามหลังทองคำในแง่ความนิยม
ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังลังเลจะขึ้นดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อราคาสินค้าโดยเฉพาะอาหารจะยังสูง เพราะเกรงผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐ ด้านธนาคารกลางเกาหลีใต้ที่เคยกังวลน้ำท่วมสินค้าราคาถูกจากจีน อาจต้องยุติวงจรลดดอกเบี้ยเพราะตลาดอสังหาฯ เริ่มร้อนแรง
สำหรับธนาคารกลางอังกฤษ แม้มีผู้กำหนดนโยบาย 3 จาก 9 คนโหวตให้ลดดอกเบี้ยเมื่อต้นเดือน แต่ยังต้องประเมินว่าตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง จะช่วยบรรเทาแรงกดดันเงินเฟ้อจากค่าจ้างที่พุ่งสูงหรือไม่
กอร์ดอน เคอร์ นักวิเคราะห์จาก KBRA กล่าวว่า “การลงมติและมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ตอนนี้เริ่มแตกต่างกันชัดเจนมากขึ้น ทุกคนต้องจับตาสถานการณ์และพร้อมปรับตัว”
อ้างอิง : reuters.com