PTT ตัดขายหุ้นบริษัทผลิตยาออก 2% ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ Life Science โบรกฯ คาดบุ๊กกำไรพิเศษกว่า 400 ลบ.
PTT ขายหุ้น Lotus ผ่านตลาดไต้หวัน ออก 2% แต่ยังรักษาตำแหน่งผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 36% ชี้เป็นไปตามการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ Life Science ด้านโบรกฯ ธุรกรรมดังกล่าวจะลดบทบาทจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม รับรู้ส่วนแบ่งกำไรลด 120 ล้านบาท แต่จะทยอยบันทึกกำไรจากการขายหุ้นราว 400 ล้านบาท
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในประชุมคณะกรรมการ ปตท.ครั้งที่ 7/2568ได้มีมติอนุมัติการปรับการถือหุ้นของบริษัท Lotus Pharmaceutical Company Limited (Lotus) โดยการจําหน่ายหุ้นจํานวนไม่เกิน 2%ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมด ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน กําหนดระยะเวลาดําเนินการภายในเดือนกรกฎาคม 2569 (ธุรกรรมการขายหุ้น)
โดยเป็นตามที่ ปตท. ได้มีการปรับกลยุทธ์การดําเนินธุรกิจในกลุ่ม Life Science เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดและสภาพการเเข่งขัน โดยมีเป้าหมายให้ธุรกิจยาสามารถสร้างการเติบโตแบบพึ่งพาตนเอง (Self-Funding) ควบคู่กับการสร้างประโยชน์ระยะยาวให้กับกลุ่มปตท. และประเทศนั้น ปตท. จึงได้พิจารณาปรับการถือหุ้น Lotus ผ่านธุรกรรมการขายหุ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเติบโตของธุรกิจ Life Scienceในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการดําเนินการขายหุ้นครั้งนี้ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จํากัด (INBA)บริษัทย่อย ซึ่ง ปตท.ถือหุ้นทั้งหมด จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Lotus ที่สัดส่วนไม่ตํ่ากว่า 36% และ ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของ Lotus ในอนาคต ทั้งนี้ธุรกรรมการขายหุ้นได้ทยอยเริ่มดําเนินการแล้วในเดือนกรกฎาคม 2568 ส่งผลให้ Lotus เปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อย (Subsidiary Company) เป็นบริษัทร่วม (Associated Company) ของ ปตท.
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า ธุรกรรมครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจกลุ่ม Life Science ของเครือ PTT ให้ธุรกิจสามารถสร้างการเติบโตแบบพึ่งพาตนเอง ภายหลังธุรกรรมครั้งนี้ PTT Group จะถือหุ้น Lotus ไม่ต่ำกว่า 36% และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
โดยสถานะของ Lotus จะเปลี่ยนจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม ส่งผลให้ตั้งแต่ไตรมาส 3/68 บริษัทจะรับรู้กำไรของ Lotus ผ่านส่วนแบ่งกำไร ซึ่งลดลงเพียงเล็กน้อย หากอ้างอิงผลประกอบการปี 2567 ของ PTT จะกำไรลดลงตามสัดส่วนถือหุ้นราว 120 ล้านบาท (กรณีรับรู้เต็มปี)
ทั้งนี้ คาด PTT จะสามารถทยอยบันทึกกำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้ (สัดส่วนไม่เกิน 2%) เมื่อธุรกรรมเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนก.ค. 2568 - ก.ค. 2569 กรณีสมมติฐานให้ราคาขายอ้างอิงจากราคาตลาดปัจจุบันที่ 221 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหุ้น เบื้องต้นคาดจะบันทึกกำไรพิเศษ (หลังภาษี) ราว 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ การเปลี่ยนสถานะเงินลงทุน (Reclassification) ของ Lotus จะทำให้ PTT สามารถบันทึกกำไรทางบัญชีจากการวัดมูลค่ายุติธรรม (FV) เงินลงทุนส่วนที่เหลือในช่วงไตรมาส 3/68 จำนวนมาก
ดังนั้น เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวนี้ ธุรกรรมดังกล่าวทำให้เกิดความคล่องตัวในการขยายการลงทุนในอนาคต ช่วยให้ฐานะทางการเงินของ PTT แข็งแกร่งขึ้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ Asset Monetization รวมทั้งคาดว่าจะสามารถบันทึกกำไรพิเศษจำนวนมาก ซึ่งยังไม่รวมในสมมติฐานของเราและตลาด
พร้อมกันนี้ คงคำแนะนำ TRADING โดยเรายังชอบ PTT จากการเป็นหุ้นที่เหมาะกับสถานการณ์ครึ่งปีหลังปี 68 ที่ปัจจัยมหภาคมีความไม่แน่นอนสูงเพราะธุรกิจครบวงจรต้านทานแรงเสียดทานได้ดี, ฐานะการเงินมั่นคง, เงินปันผลสม่ำเสมอ, ประมาณการมีอัพไซด์จากกลยุทธ์ Asset Monetization, มีโครงการซื้อหุ้นคืนช่วยจำกัดดาวน์ไซด์