เมียพาลูกไป รร. ทุกวันตลอด 5 ปี ก่อนผู้เป็นพ่อรู้ความจริงขนลุก
เหตุการณ์สุดสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อหญิงคนหนึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่กับความลวงที่เธอสร้างขึ้นนานถึง 5 ปี เพื่อปกปิดความจริงกับครอบครัวว่า ลูกสาวของเธอ “ไม่เคยได้เข้าเรียนแม้แต่วันเดียว”หลังตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่อ้างว่าจะช่วย “วิ่งเต้น” ให้ลูกเข้าโรงเรียน แลกกับเงินก้อนโตถึงกว่า 3.5 ล้านบาท เรื่องราวทั้งหมดพังทลายลงเมื่อความจริงเปิดเผย และครอบครัวต้องเผชิญกับผลกระทบที่ไม่มีใครลืมได้
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ย้อนกลับไปในปี 2013 หญิงคนหนึ่งนามสมมติว่า “หม่า” ได้พบกับชายชื่อ “หลี่ เจี๋ย” ในงานเลี้ยง เขาแนะนำตัวว่าเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งจากเมืองซ่างลั่ว มณฑลส่านซี พร้อมแสดงเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของเหมืองแร่ มูลค่ากว่า 94 ล้านบาท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยท่าทางน่าไว้ใจและคำพูดแนบเนียน หลี่ค่อย ๆ สร้างความสนิทสนม และขอยืมเงินนางหม่าหลายครั้ง อ้างว่าเพื่อลงทุนในธุรกิจ
ปี 2016 ชีวิตของนางหม่าเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อลูกสาวของเธอถึงวัยเรียน แต่กลับไม่สามารถลงทะเบียนเรียนในเมืองซีอานได้ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องทะเบียนบ้าน นายหลี่จึงเสนอความช่วยเหลือ อ้างว่าเขามีคอนเน็กชันในแวดวงการศึกษา และสามารถจัดการให้เด็กได้เข้าเรียนโรงเรียนรัฐย่านเขตตะวันออกของเมืองได้ หากจ่าย “ค่าดำเนินการ” เป็นระยะ ๆ
นางหม่าหลงเชื่อ และเริ่มโอนเงินให้นายหลี่ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นหยวนทุกเดือน โดยหวังว่าลูกจะได้เรียนเหมือนเด็กคนอื่น เธอย้ายกลับมาอยู่ซีอานเพื่อรอข่าวดีจากอีกฝ่าย
เมื่อถึงวันที่ 1 กันยายน 2016 นายหลี่นำหนังสือเรียนมาให้ พร้อมบอกว่าเด็กได้เข้าเรียนแล้ว แต่วันถัดมากลับแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องเอกสาร ขอเลื่อนวันเริ่มเรียนอีกหน่อย จากนั้นเป็นต้นมา นางหม่าจึงเริ่ม “พาลูกไปโรงเรียนปลอม” ทุกวัน โดยทำเหมือนลูกไปเรียนจริง ๆ แต่พาเดินเล่นตามสวนสาธารณะหรือห้างแทน เธอหลอกทั้งลูกและสามีด้วยความหวาดกลัวว่าจะเกิดความรุนแรงหากความจริงถูกเปิดเผย
“ฉันกลัวว่าถ้าสามีรู้ เขาจะโกรธจนทำร้ายครอบครัว” นางหม่ากล่าวกับสื่อจีน โดยเล่าว่าสามีเป็นคนอารมณ์ร้อนและมีธุรกิจส่วนตัว จึงไม่กล้าเสี่ยงเปิดเผยความจริง
ระหว่างนั้น นายหลี่ยังหลอกขอเงินเรื่อย ๆ โดยอ้างว่าต้องจ่ายเพื่อเคลียร์ปัญหาภายในโรงเรียน ซื้อของขวัญให้เจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่ “แก้ปัญหาการทุจริต” และยังปลอมสมุดพกพร้อมลายเซ็นครู เพื่อหลอกให้เชื่อว่าลูกยังเป็นนักเรียนตามปกติ โดยยอดเงินที่นางหม่าจ่ายไปตลอด 5 ปี สูงถึงกว่า 1 ล้านหยวน หรือประมาณ 4.5 ล้านบาท
เวลาผ่านไป เอกสารเริ่มดูผิดสังเกต ไม่มีตราประทับโรงเรียนใดเลย ทำให้นางหม่าตัดสินใจไปแจ้งตำรวจในปี 2019 แต่นายหลี่ตามมาที่โรงพัก และอ้างว่าทั้งหมดเป็น “การยืมเงินส่วนตัว” ทำให้คดีไม่สามารถดำเนินต่อในทางอาญาได้ทันที เจ้าหน้าที่แนะนำให้ฟ้องคดีแพ่ง
จนในที่สุด นางหม่าติดต่อสอบถามกับโรงเรียนตามชื่อที่นายหลี่เคยบอก แต่กลับไม่มีใครรู้จักเขาเลย และไม่มีรายชื่อเด็กหญิงของเธออยู่ในระบบแม้แต่น้อย นั่นเป็นจุดที่เธอยอมรับกับตัวเองว่า ถูกหลอกมาตลอด 5 ปีเต็ม
ลูกสาวของเธอซึ่งเริ่มโตและมีสติสัมปชัญญะดีขึ้น ก็เริ่มตั้งคำถามกับแม่ว่า “ทำไมหนูถึงไม่ได้ไปโรงเรียนแบบเพื่อน ๆ?” คำถามนี้กลายเป็นจุดแตกหักของครอบครัว เมื่อเรื่องราวทั้งหมดเปิดเผย สามีของนางหม่าโกรธจัดถึงขั้นทุบข้าวของในบ้าน และเกือบใช้ความรุนแรง โชคดีที่ญาติช่วยกันห้ามไว้ได้ทัน
ไม่นานหลังจากนั้น นางหม่าได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า หลี่ เจี๋ย เข้ามอบตัวกับตำรวจในข้อหาฉ้อโกง เธอรวบรวมหลักฐานทั้งหมดและตัดสินใจกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านเกิด พร้อมพาลูกสาวเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แม้จะต้องเรียนช้ากว่าเด็กวัยเดียวกันถึง 5 ปี แต่ครั้งนี้คือการเรียน “ของจริง”
เรื่องราวของเธอกลายเป็นบทเรียนสำคัญว่า “การปกปิดความจริง แม้ด้วยเจตนาดี อาจกลายเป็นบาดแผลที่ยากเยียวยาในครอบครัว” และยังตอกย้ำว่า การหลอกลวงจากมิจฉาชีพในคราบผู้หวังดี ยังคงเป็นภัยใกล้ตัวที่ไม่อาจมองข้าม
ข้อมูลจาก soha