ผ่าเทคโนโลยีทางการทหาร สมรภูมิไทย-กัมพูชา / ปฐม อินทโรดม
สมรภูมิไทย-กัมพูชาคือการผสมผสานเทคโนโลยีทางการทหารไทย จีน สหรัฐฯ ยูเครน อิสราเอลอย่างสมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกของโลก
สงครามระหว่างไทยกับกัมพูชาครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการปะทะชายแดนธรรมดา แต่เป็น บทพิสูจน์ความสามารถของกองทัพไทย ในการบูรณาการเทคโนโลยีทางการทหารจากหลากหลายประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและลงตัว เราได้เห็นการใช้งานจริงของเครื่องบินรบจากอเมริกาและสวีเดน รถถังจากจีนและยูเครน กับปืนใหญ่ที่ไทยร่วมพัฒนากับอิสราเอล ทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพไทยแสดงศักยภาพด้านยุทธวิธีในระบบผสมผสาน
1. เครื่องบินรบ F-16 Fighting Falcon จากสหรัฐอเมริกา
F-16 คือกำลังหลักทางอากาศของไทย ด้วยความเร็วเหนือเสียง ความคล่องตัวสูง และระบบอาวุธนำวิถีขั้นสูง รุ่นล่าสุดที่ไทยใช้งานติดตั้งเรดาร์ APG-68(V)9 ซึ่งสามารถตรวจจับและติดตามเป้าหมายได้ไกลกว่า 300 กม. ในการรบครั้งนี้ F-16 ทำหน้าที่โจมตีเป้าหมายเชิงลึกและคุ้มกันทัพภาคพื้นดิน
2. เครื่องบินรบ JAS 39 Gripen จากสวีเดน
Gripen มีชื่อเสียงเรื่อง ความคล่องแคล่ว การบังคับควบคุมที่ฉับไว และระบบ Data Link ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ F-16 ได้ทันที ทำให้ทั้งสองเครื่องบินทำงานเป็น “เครือข่ายเดียวกัน” Gripen ถูกใช้โจมตีเป้าหมายความแม่นยำสูง (Precision Strike) และตรวจการณ์ทางอากาศในพื้นที่ที่มีภัยคุกคามสูง
3. รถถัง VT4 จากจีน
รถถัง VT4 มีจุดเด่นคือ ระบบป้องกันเกราะหลายชั้น, ปืนใหญ่ขนาด 125 มม., ระบบควบคุมการยิงอัตโนมัติ และ Active Protection System (APS) ที่สามารถดักสกัดขีปนาวุธต่อต้านรถถังได้ VT4 เป็นหัวหอกของการบุกภาคพื้นดิน ช่วยเปิดทางและสนับสนุนทหารราบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. รถถัง Oplot-T จากยูเครน
Oplot-T ถือเป็นหนึ่งในรถถังที่ทรงพลังที่สุดที่ไทยครอบครอง โครงสร้างเกราะเหล็กผสมเซรามิกป้องกันการเจาะทะลุได้ดีเยี่ยม พร้อมด้วย ปืนใหญ่ขนาด 125 มม. แบบ Smoothbore และระบบยิงกระสุนเจาะเกราะพลังสูง
Oplot มีชื่อเสียงในเรื่อง ระบบควบคุมการยิงแบบ Thermal Imaging, กล้องเลเซอร์วัดระยะ และระบบควบคุมความร้อนภายใน ทำให้สามารถปฏิบัติการได้แม้ในเวลากลางคืนหรือสภาพอากาศเลวร้าย
5. ปืนใหญ่ล้อยาง ATMOS 2000 (ไทย–อิสราเอล)
ATMOS 2000 ขนาด 155 มม. ผลิตโดยความร่วมมือระหว่างอิสราเอลและไทย สามารถยิงได้ไกลเกิน 40 กม. ด้วยระบบควบคุมการยิงดิจิทัลที่แม่นยำ เคลื่อนย้ายได้รวดเร็วและตอบสนองการรบในพื้นที่ขรุขระได้ดีกว่าปืนใหญ่ลากจูงแบบเก่า
เป็นการบูรณาการเทคโนโลยีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สิ่งที่น่าประทับใจคือการที่ กองทัพไทย ซึ่งมีงบประมาณจำกัดเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจ กลับสามารถใช้เทคโนโลยีจากหลายชาติให้ทำงานร่วมกันในระดับเครือข่ายยุทธศาสตร์เดียวกัน
• F-16 และ Gripen ครองอากาศได้อย่างสมบูรณ์
• VT4 และ Oplot สนับสนุนกันทั้งเชิงรุกและตั้งรับในสนามรบ
• ATMOS 2000 ทำหน้าที่เสริมกำลังยิงระยะไกลแบบ Real-time targeting
เช่นเดียวกับกองทัพเรือและนาวิกโยธินที่มีเรือรบสมรรถนะสูงจากหลายประเทศ ทั้งจีน (Type 053HT และ Type 054A) เกาหลีใต้ (HTMS Bhumibol Adulyadej) สเปน (HTMS Chakri Naruebet) มีบทบาทสำคัญในการคุมกำลังทางทะเล เพื่อสนับสนุนการรบแบบบูรณาการครบวงจร ทั้งการเฝ้าระวัง การป้องกันเส้นทางลำเลียงยุทธปัจจัย และการสนับสนุนข่าวกรองให้กองทัพบกและกองทัพอากาศ
สงครามครั้งนี้ทำให้เห็นว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องพึ่งมหาอำนาจเพียงประเทศเดียวเหมือนในอดีต แต่สามารถเลือก “ของดี” จากหลายประเทศมาผสมผสานและทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว กองทัพไทยพิสูจน์แล้วว่า แม้จะไม่ใช่กองทัพขนาดใหญ่ แต่วางระบบให้ทำงานร่วมกันแบบครบวงจรได้เทียบเท่าประเทศมหาอำนาจ
ท้ายที่สุด…
“ขอขอบคุณกัมพูชาที่เสียสละตัวเองเป็นสนามซ้อมรบและเป้าซ้อมกระสุนจริง เพื่อความสำเร็จของเทคโนโลยีกลาโหมไทย”
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO