‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’ กร่อย รัฐปรับเกมดึงต่างชาติเที่ยวเมืองรอง
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในงาน “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก” ว่า ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ กระทรวงการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะแถลงแผนการกระตุ้นทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและในประเทศ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนและเมืองรอง
สำหรับจุดเด่นของแผนการใหม่ คือ การเน้นการกระจายรายได้สู่ชุมชนและเมืองรองอย่างเข้มข้น โดยจะทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักไปยังเมืองรอง แผนนี้ถือว่ามีจุดเด่นมากกว่าโครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" ที่ยังคงมีสิทธิ์เหลืออยู่กว่า 300,000 สิทธิ์
สำหรับในปี 2568 นี้ ประเทศไทยตั้งเป้าหมายต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวน 39 ล้านคน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งอาจท้าทายไปถึง 3.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลได้เตรียมโครงการ "Amazing Thailand Grand Tourism and Sport" ซึ่งจะนำอีเวนต์และนักแสดงระดับโลกเข้ามาเสริมภาคการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น การลดลงนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการไทยที่พึ่งพิงตลาดจีนเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ยังมีตลาดใหม่เข้ามาชดเชย แม้ตลาดจีนจะชะลอตัว แต่ตลาดใหม่ๆ ก็เข้ามาทดแทนและเติบโตอย่างน่าสนใจ ได้แก่ อิสราเอล เพิ่มขึ้นเกือบ 70% จากปีที่แล้ว, นักท่องเที่ยวกลุ่ม Long-haul เป็นต้น
“นักท่องเที่ยวกลุ่ม Long-haul ได้แก่ สหราชอาณาจักร (UK) เพิ่มขึ้นเกือบ 30%, สหรัฐอเมริกา (USA) และอิตาลี มีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน, และอินเดีย สร้างสถิติสูงสุดใหม่เมื่อปีที่แล้วด้วยจำนวน 2.1 ล้านคน และครึ่งปีแรกของปีนี้มีจำนวนเกือบ 1 ล้านคนแล้ว เป็นต้น ซึ่งกลุ่ม Long-haul เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะพำนักอยู่ในประเทศไทยนานขึ้นและมีการใช้จ่ายที่สูงขึ้น”
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับตัวชี้วัด (KPI) โดย เน้นสมดุลระหว่าง "คุณภาพ" (Quality) และ "ปริมาณ" (Quantity) ของนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เพียงแค่จำนวนนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวด้วย
นอกจากนี้ ยังเตรียมมาตรการกระตุ้นและแผนการในครึ่งปีหลัง รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งในบางส่วนจะใช้เพื่อกระตุ้นทั้งการท่องเที่ยวในประเทศ และทำการตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ยังมีนโยบายสำคัญที่มุ่งให้ประเทศไทยสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ให้มีฤดูกาลท่องเที่ยว (seasonal) ในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านการผลักดันและเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่น ประเทศไทยได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการ FIVB World Championship ช่วงกลางปีนี้, การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปลายปีนี้, และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ในต้นปีหน้า รวมถึงการเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula 1 เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยปรับเพิ่มมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย หรือ Rebate จากเดิม 20% เป็น 30% เพื่อดึงเม็ดเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว ด้วยความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน