“กองทัพ-กต.“ พาทูตนานาชาติ สังเกตุการณ์ 3 จุดได้รับผลกระทบเหตุปะทะ ”ไทย-เขมร“
“กองทัพ-กต.“ พาทูตนานาชาติ สังเกตุการณ์ 3 จุดได้รับผลกระทบปม เหตุปะทะ ”ไทย-เขมร“ ด้าน”โฆษกกองทัพ“ ยันไม่มีการปรุงแต่งบิดเบือน หวังสื่อตปท.นำเสนอข้อมูลให้ประชาคมโลกรับรู้
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2568 ที่จ. ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก (ศปส.ทบ.) นำคณะ ผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ และสื่อมวลชน สังเกตการณ์ ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากปืนใหญ่ของกัมพูชา
โดยนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เผยว่า วันที่เกิดเหตุทางจังหวัดได้รับทราบว่ามีเหตุปะทะตามแนวชายแดนจึงได้มีการนำประชาชนออกจากพื้นที่ตามแนวชายแดนซึ่งประชาชนออกมาเกือบทั้งหมดแล้วแต่ในเวลา 10.50 น. อาวุธจากประเทศกัมพูชาตกมาที่บริเวณที่ของประชาชนและร้านสะดวกซื้อของเอกชนในประเทศไทย ทำให้มีเด็กนักเรียนผู้ปกครองที่กำลังเข้ามาซื้อของรวมถึงพนักงานพัสดุซื้อเสียชีวิตทันทีจำนวน 8 ราย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากและในช่วงบ่ายได้เกิดการ ยิงถล่มมาบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเสาธงชัยได้รับความเสียหายรวมถึงในวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมาก็ยังมีการยิงกระสุนเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนทำให้ประชาชนเสียชีวิตหนึ่งรายบาดเจ็บหนึ่งราย รวมถึงมีอาวุธสงครามเข้าใส่บ้านเรือนประชาชนซึ่งอยู่ห่างจากแนวประทะชายแดนกว่า 30 กิโลเมตร ซึ่งมีเหตุการณ์ระเบิดตกใส่โรงพยาบาลทำให้การรักษาไม่สามารถทำได้ต้องอพยพคนไข้ออกไป
ซึ่งจากการที่ที่ตนนำเสนอจะเห็นว่าเป้าหมายอาวุธสงคราม ตกใส่บ้านเรือนประชาชน รวมถึงมีผู้อพยพในจังหวัดศรีสะเกษอีกประมาณ 80,000 ราย กระจายอยู่ตามศูนย์พักพิง 400 แห่งโดยจังหวัดศรีสะเกษได้ดูแลผู้อพยพอย่างสุดความสามารถที่ศูนย์พักพิงอย่างเต็มกำลัง
ทางด้านญาติของผู้สูญเสียได้นำรูปภาพมาแสดงให้ชาวต่างชาติเห็นและมีการเปิดเผยข้อมูลของวันที่เกิดเหตุว่าเป็นอย่างไร โดยมีญาติของแม่ลูกที่เสียชีวิตเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนและภรรยาได้ไปรับลูกกลับจากโรงเรียนเนื่องจากโรงเรียนมีประกาศปิดจากเหตุการณ์ปะทะ และได้แวะ ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อ อาหารและขนมซึ่งภรรยาและลูกของตนได้เดินเข้าไปในปั๊มก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น
ทางด้านลูกสาวของผู้เสียชีวิตอีกท่านหนึ่งที่ประกอบอาชีพอยู่บริเวณใกล้กับร้านสะดวกซื้อเผยว่า วันเกิดเหตุแม่ของตนกำลังทำงานอยู่บริเวณหลังปั๊มซึ่งใกล้กับที่เกิดเหตุทันทีที่ตกมาตนก็ได้ยินข่าวจึงรีบขี่รถมาหาแม่แต่ไม่ทัน
ซึ่งในจุดต่อมาเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในอำเภอกันทรลักษ์ที่ได้รับผลกระทบจากกระสุนปืนใหญ่ทำให้ด้านด้านหลัง อาคารเกิดความเสียหายซึ่งโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยทางผอ.ศูนย์เผยว่า ในวันที่เกิดเหตุได้อพยพเจ้าหน้าที่ออกมาได้ทันก่อนที่ในวันต่อมาการสู้รบหนักขึ้นก็ได้รับข้อมูลว่าโรงพยาบาลถูกระเบิดทำเสียหาย รวมทั้งมีเครื่องมือการแพทย์เสียหายเป็นจำนวนมาก
ต่อมาได้มาในจุดสุดท้ายซึ่งเป็นศูนย์อพยพแห่งหนึ่งในตัวอำเภอ โดยมีการพาทูตและทหารจากนานาชาติเข้าพูดคุยกับชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบที่อพยพมาที่ศูนย์แห่งนี้ก่อนที่
ด้านพล.ท.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพ เผยว่า จากการที่ไปพาทูตและทหารนานาชาติ ไปทั้งสามจุดซึ่งมีที่มาจากการใช้อาวุธของทหารกัมพูชาและมากระทบในพื้นที่ของพลเรือน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจากการรบ ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ผิดในเรื่องของกติกาสากล รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุดคือกระทบกับสิทธิมนุษยชนซึ่งในสามจุดนั้น มีความสำคัญอย่างไรคือเป็นพื้นที่ที่มีความห่างไกลจากแนวปะทะกว่า 30 กิโลเมตร เห็นได้ว่าจุดที่สองเป็นสถานพยาบาล ซึ่งเป็นความสำคัญมากต่อหลักสากลโดยได้รับผลกระทบ เพียงแต่กำลังบริหารจัดการของพื้นที่ส่วนหลังระหว่างทหาร ฝ่ายปกครอง ฝ่ายมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีการจัดการอพยพไปก่อนแล้ว ทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตซึ่งในจุดที่สอง ส่วนจุดที่สามมีผลกระทบจากการใช้อาวุธของฝั่งกัมพูชาทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นกว้างเกินกว่าที่ควรจะเป็น เพราะการใช้อาวุธเกินขอบเขตตามที่กฎหมายสากลระบุไว้คือเกินกว่าในพื้นที่การรบทำให้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบมากจนเกินความจำเป็น แต่ขณะนี้ด้วยการบริหารจัดการของฝ่ายทหารและฝ่ายมหาดไทยในพื้นที่ส่วนหลังนั้น ก็พยายามที่จะบริหารสถานการณ์ในพื้นที่ส่วนหลังให้ได้ดีที่สุดซึ่งในกิจกรรมวันนี้สรุปแล้วก็คือต้องการให้สื่อให้เห็นว่าข้อเท็จจริงจะไม่มีการบิดเบือนหรือปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อที่ต้องการให้สื่อถึงสังคมภายในประเทศ แล้วและต้องการสื่อถึงประชาชนหรือสังคมโลกได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ประเทศไทยเป็นผู้ที่ถูกกระทำและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสื่อมวลชนโดยเฉพาะสื่อต่างประเทศจะนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านี้ไปสู่สังคมโลกให้กับประเทศไทยเพื่อให้เห็นว่าประเทศไทยอยู่ในกรอบกติกากฎหมายระหว่างประเทศ