วิกฤติสาธารณสุขไทย! คาดปี’69 ผู้ป่วยหาหมอ 40.5 ล้านครั้ง/ปี เฉลี่ยคนละ3ครั้ง/ปี แต่หมอ:ประชาชน 1:1,667 คน
วิกฤติระบบสาธารณสุขไทย!! คาดปี’69 ผู้ป่วยหาหมอ 40.5 ล้านครั้ง/ปี เฉลี่ยคนละ 2.9 ครั้ง/ปี ขณะที่หมอต่อประชาชน ‘1 ต่อ 1,667’ กทม.ต่ำสุด 1:462 บึงกาฬสูงสุด 1:5,000
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดจำนวนแพทย์ดูแลประชากรไว้ที่แพทย์ 1 คนต่อประชากร 1,000 คน ขณะที่ข้อมูลจาก TDRI ระบุว่า ตัวเลขของไทยอยู่ระหว่าง 0.5-0.8 คนต่อประชากร 1,000 คน ส่วนแพทย์ภายใต้สังกัดรัฐอยู่ที่ 0.5 ต่อประชากร 1,000 คน หรือแพทย์ 1 คนต่อประชากร 2,000 คน
ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า การคาดการณ์ภาระงานผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ของโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปรียบเทียบระหว่างค่าเฉลี่ยปี 2560 – 2562 มีผู้ป่วยมารับบริการ 28.7 ล้านครั้ง กับคาดการณ์ปี 2569 จะมีผู้ป่วยมารับบริการ 40.5 ล้านครั้ง เฉลี่ยคนละ 2.9 ครั้ง/ปี
นี่คือคำถามว่าหากหมอลาออกจำนวนมาก ขณะที่ผู้ป่วยมาใช้บริการโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้น ดังตัวเลขดังกล่าว บุคคลากรทางการแพทย์จะรองรับไหวหรือไม่!!!
โดยระบุว่านี่คือความท้าทายในการจัดทำกรอบอัตรากำลังปี พ.ศ. 2565 – 2569
1) ความต้องการด้านสุขภาพที่สูงขึ้น (Increase health need) จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอายุของประชากรไทยและการเปลี่ยนแปลงบริบทอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สังคม และเทคโนโลยี ส่งผลกระทบต่อความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนและการจัดระบบบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข
2) การสร้างความเข้มแข็งของระบบบริการปฐมภูมิ (Primary care strengthening) ให้เกิดความเท่าเทียมและเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
3) การสร้างความเข้มแข็งสู่ระบบบริการที่เป็นเลิศ (Excellent services) โดยการพัฒนา Service plan เพื่อสู่การเป็น excellent center ร่วมกับการใช้การแพทย์ทางไกล ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการใช้ดิจิทัลทางการแพทย์
ดังนั้น หลักการสำคัญในการจัดทำกรอบอัตรากำลัง ปี พ.ศ. 2565 – 2569 จึงมีการปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับภาระงานที่จะเกิดขึ้น ในปี 2569 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน และชมรมวิชาชีพต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำภาระงานและวิเคราะห์กรอบอัตรากำลัง ปี พ.ศ. 2565 – 2569 มีการใช้เกณฑ์บุคลากรต่อประชากรตามพระราชบัญญัติปฐมภูมิ เพื่อมุ่งเน้นเป้าหมายรองรับความต้องการบริการที่สูงขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้บริการปฐมภูมิและการมุ่งการพัฒนาบริการที่เป็นเลิศ และเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาของ Service plan ได้ผ่านการพิจารณา
ขณะที่ข้อมูลที่นายแพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงสถานการณ์แพทย์ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ว่าในปี 2556 -2565 มีแพทย์บรรจุ จำนวน 19,355 คน ขณะที่แพทย์ลาออกแบ่งเป็น แพทย์ใช้ทุนปีแรก ลาออก 226 คน เฉลี่ย 23 คนต่อปี, แพทย์ใช้ทุนปีที่ 2 ลาออก 1,875 คน คิดเป็นร้อยละ 9.69 เฉลี่ย 188 คนต่อปี, แพทย์ใช้ทุนปีที่ 3 ลาออก 858 คนร้อยละ 4.4 เฉลี่ย 86 คนต่อปี, แพทย์ลาออกหลังพ้นภาระใช้ทุน 1,578 คน ร้อยละ 8.1 เฉลี่ย 158 คนต่อปี ทำให้ภาพรวมเฉลี่ยการลาออกของแพทย์ปีละ 455 คนรวมถึงเกษียณอายุราชการปีละ 150-200 คนรวมประมาณปีละ 655 คน
ขณะที่ข้อมูลจากกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ปี 2566 ประเทศไทยมีแพทย์ 42,639 คน คิดเป็นแพทย์ 6 คน ต่อประชากร 10,000 คน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับว่าสถานการณ์การแพทย์อาจเข้าขั้นวิกฤติ
สัดส่วนหมอ: ประชาชน 1:1,667 คน – เฉลี่ยหมอ 6 :10,000 คน
เมื่อสืบค้นข้อมูลสถานการณ์แพทย์ในประเทศไทย พบว่ามีข้อมูลหลายแหล่งที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงสาธารณสุข แพทยสภา ตลอดจนข้อมูลจากสถาบันวิจัยต่างๆ แต่ระบบฐานข้อมูลด้านทรัพยากรบุคลากรจากกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้อัพเดทให้เป็นสถานการณ์ปีงบประมาณหรือปีปัจจุบัน โดยมีข้อมูลเฉพาะปี 2563-2566 เท่านั้น
‘ไทยพับลิก้า’ รวบรวมข้อมูลสถานการณ์แพทย์ 4 ปี (2563-2566) จากข้อมูลล่าสุดปี 2566 พบว่าประเทศไทยมีแพทย์ 42,639 คน คิดเป็นแพทย์ 6 คนต่อประชากร 10,000 คน หรือแพทย์ 1 คนต่อประชากร 1,667 คน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากแพทยสภา ณ วันที่ 31 ธ.ค. ปี 2567 ระบุว่า ประเทศไทยมีแพทย์รวมทั้งสิ้น 62,418 คน (นับเฉพาะผู้ที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ) คิดเป็นอัตราส่วนแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 922 คน โดยข้อมูลดังกล่าวหมายถึงจำนวนบุคลากรทุกสาขารวมกันทั้งหมด
ปัญหากระจายหมอ-ขาดแรงจูงใจ-คุณภาพชีวิตย่ำแย่
รายงานจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการขาดแคลนกำลังคนในบางสาขาวิชาชีพ ปัญหาการกระจายกำลังคนไม่เป็นธรรม ปัญหาการขาดแรงจูงใจในการทำงาน ส่งผลให้มีกำลังคนส่วนหนึ่งออกไปจากระบบ(แพทย์ลาออกจากราชการ) อีกทั้งประสบปัญหาคุณภาพชีวิตการทำงานที่ย่ำแย่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การฟ้องร้องคดีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นคดีอาญา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขวัญกำลังใจในการทำงานลดลง
กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายเพิ่มการผลิตกำลังคนอย่างต่อเนื่อง การใช้มาตรการเพิ่มแรงจูงใจทั้งในรูปแบบค่าตอบแทนประเภทต่างๆ และความก้าวหน้าในอาชีพราชการ
14 จังหวัดท็อปแพทย์ทั่วถึง – กรุงเทพฯ สูงสุด แพทย์ต่อประชากร 1:462 คน
เมื่อไล่เรียงข้อมูลในปี 2566 ทั้งหมด พบข้อมูลจำนวนแพทย์ต่อประชากร และจำนวนแพทย์ โดยเรียงจากมากไปน้อยตามเกณฑ์ ดังนี้
กลุ่มจังหวัดสีเขียว 14 จังหวัด ถือเป็นจังหวัดที่มีจำนวนแพทย์ต่อประชากรสูงสุด โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรฐานแพทย์ที่ 6.45-21.64 คน ต่อประชากร 10,000 คน
จังหวัด สัดส่วนต่อประชากร 10,000 คน (หน่วย:คน) จำนวนแพทย์ (หน่วย:คน) กรุงเทพมหานคร 21.64 11,651 เชียงใหม่ 11.95 1,952 ภูเก็ต 11.22 460 สมุทรสงคราม 11 616 พิษณุโลก 9.32 784 ขอนแก่น 9.26 1,647 ชลบุรี 8.99 1,423 สงขลา 8.66 1,231 นครนายก 8.46 219 ปทุมธานี 8.34 1,001 นนทบุรี 7.97 1,030 นครปฐม 7.42 676 จันทบุรี 7.07 376 สระบุรี 6.63 422
หัวเมืองรอง เฉลี่ยแพทย์ต่อประชากร 1:2,000 – 5:10,000
กลุ่มจังหวัดสีเขียวอ่อน 16 จังหวัด โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรฐานแพทย์ที่ 4.73-6.44 คน ต่อประชากร 10,000 คน
จังหวัด จำนวนแพทย์ต่อประชากร 10,000 คน (หน่วย:คน) จำนวนแพทย์ (หน่วย:คน) ลำพูน 6.44 255 สิงห์บุรี 6.44 130 ระยอง 6.19 469 ลำปาง 6.12 436 สุราษฎร์ธานี 5.9 629 เชียงราย 5.42 632 ตรัง 5.34 340 สมุทรปราการ 5.24 707 อุตรดิตถ์ 5.2 229 ราชบุรี 5.14 431 ฉะเชิงเทรา 5 362 นครสวรรค์ 4.95 507 สมุทรสงคราม 4.87 91 ตราด 4.87 106 แพร่ 4.84 207 นครราชสีมา 4.74 1,243
15 จังหวัด แพทย์ 1 คนต่อประชากร 2,090-2,506 คน
กลุ่มจังหวัดสีเหลือง 15 จังหวัด โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรฐานแพทย์ที่ 3.99-4.72 คน ต่อประชากร 10,000 คน
จังหวัด จำนวนแพทย์ต่อประชากร 10,000 คน (หน่วย:คน) จำนวนแพทย์ (หน่วย:คน) ปราจีนบุรี 4.72 235 พะเยา 4.68 214 นครศรีธรรมราช 4.67 719 พิจิตร 4.64 243 ลพบุรี 4.58 335 น่าน 4.56 215 ชัยนาท 4.54 144 ชุมพร 4.49 227 พังงา 4.48 118 ตาก 4.44 243 พระนครศรีอยุธยา 4.38 359 อุบลราชธานี 4.32 803 อุทัยธานี 4.25 137 ยะลา 4.08 223 กระบี่ 4.05 194
16 จังหวัดสีส้ม แพทย์ต่อประชากร 1:3,000
กลุ่มจังหวัดสีส้ม 16 จังหวัด โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรฐานแพทย์ที่ 3.34-3.98 คน ต่อประชากร 10,000 คน
จังหวัด จำนวนแพทย์ต่อประชากร 10,000 คน (หน่วย:คน) จำนวนแพทย์ (หน่วย:คน) อ่างทอง 3.98 108 สุพรรณบุรี 3.98 329 ประจวบคีรีขันธ์ 3.93 212 เพชรบุรี 3.88 186 อุดรธานี 3.77 586 หนองคาย 3.76 192 พัทลุง 3.73 194 แม่ฮ่องสอน 3.55 86 มหาสารคาม 3.55 334 สุโขทัย 3.51 203 กาญจนบุรี 3.48 284 มุกดาหาร 3.47 121 สตูล 3.39 110 สุรินทร์ 3.38 462 นราธิวาส 3.36 274 ปัตตานี 3.34 245
บึงกาฬ 1:5,000 สัดส่วนแพทย์น้อยสุดในประเทศ
สุดท้าย กลุ่มจังหวัดสีแดง 16 จังหวัด โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรฐานแพทย์ที่ 2-3.33 คน ต่อประชากร 10,000 คน
จังหวัด จำนวนแพทย์ต่อประชากร 10,000 คน (หน่วย คน) จำนวนแพทย์ (หน่วย คน) กำแพงเพชร 3.33 235 ร้อยเอ็ด 3.33 428 ระนอง 3.23 58 บุรีรัมย์ 3.2 504 สระแก้ว 3.03 169 กาฬสินธุ์ 3.02 293 เลย 3.01 190 สกลนคร 2.92 334 ศรีสะเกษ 2.89 419 ยโสธร 2.7 143 ชัยภูมิ 2.64 294 เพชรบูรณ์ 2.59 172 นครพนม 2.41 172 อำนาจเจริญ 2.38 89 หนองบัวลำภู 2.15 109 บึงกาฬ 2 84
ข้อมูลแพทย์ตามสังกัด
เมื่อจำแนกแพทย์ตามสังกัดต่างๆ พบข้อมูลดังนี้
ปี 2566 รวมแพทย์ 42,639 คน
- สังกัดกระทรวงสาธารณสุข 22,602 คน คิดเป็น 53.4% แบ่งเป็น สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 20,497 คน คิดเป็น 48.4% และสังกัดกรมวิชาการ 2,105 คน คิดเป็น 5%
- สังกัดนอกกระทรวงสาธารณสุข 10,783 คน คิดเป็น 25.5%
- สังกัดเอกชน 8,984 คน คิดเป็น 21.2%
ปี 2565 รวมแพทย์ 39,125 คน
- สังกัดกระทรวงสาธารณสุข 21,504 คน คิดเป็น 54.9% แบ่งเป็น สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 19,891 คน คิดเป็น 50.8% และสังกัดกรมวิชาการ 1,613 คน คิดเป็น 4.1%
- สังกัดนอกกระทรวงสาธารณสุข 9,382 คน คิดเป็น 24%
- สังกัดเอกชน 8,239 คน คิดเป็น 21.1%
ปี 2564 รวมแพทย์ 38,820 คน
- สังกัดกระทรวงสาธารณสุข 21,076 คน คิดเป็น 54.3% แบ่งเป็น สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 19,220 คน คิดเป็น 49.5% และสังกัดกรมวิชาการ 1,856 คน คิดเป็น 4.8%
- สังกัดนอกกระทรวงสาธารณสุข 9,468 คน คิดเป็น 24.4%
- สังกัดเอกชน 8,276 คน คิดเป็น 21.3%
ปี 2563 รวมแพทย์ 36,472 คน
- สังกัดกระทรวงสาธารณสุข 19,370 คน คิดเป็น 53.1% สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 17,621 คน คิดเป็น 48.3% และสังกัดกรมวิชาการ 1,749 คน คิดเป็น 4.8%
- สังกัดนอกกระทรวงสาธารณสุข 8,995 คน คิดเป็น 24.7%
- สังกัดเอกชน 8,107 คน คิดเป็น 22.2%
โครงสร้างประชากร (สูงวัย) ปัจจัยแรงงานแพทย์ขาดแคลน
แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพและบุคลากรทางการแพทย์ว่า จากการประมาณการณ์ประชากรไทยปี 2553-2583 โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า อัตราการเจริญพันธุ์รวมของประชากรไทยต่ำกว่าระดับทดแทนอยู่ที่อัตรา 1.62 และคาดการณ์ว่าในปี 2583 อัตราการเจริญพันธุ์รวมอาจลดลงเหลือ 1.3 คน ส่งผลให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) จากประชากรผู้สูงวัย 19.1% ในปี 2559 เพิ่มเป็น 26.6% ในปี 2573
ประกอบกับประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลุ่มวัยเด็กลดลงจาก 11.79 ล้านคนในปี 2558 เหลือ 8.17 ล้านคนในปี 2583 ส่วนกลุ่มวัยทำงานลดลงจาก 43 ล้านคนในปี 2558 เหลือ 35.2 ล้านคนในปี 2583
ขณะที่ปัญหาโรคและภัยสุขภาพเพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้สูงอายุที่ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ อีกทั้งผู้สูงอายุจำนวนมากมีรายได้ไม่พอต่อการยังชีพ ตลอดจนภาวะติดเตียง ติดบ้าน ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่ต้องพึ่งพิงแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุทางถนน โรคหัวใจขาดเลือก โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง ที่สำคัญคือมะเร็ง ทั้งหมดคือประเด็นที่จะกระทบต่อสถานการณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข