INC-5.2 คืออะไร ทำไมเป็นจุดเปลี่ยนกติกาโลกเพื่อคุมพลาสติก
เดือนมีนาคม 2022 ที่ประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEA) มีมติครั้งประวัติศาสตร์ มอบหมายให้คณะเจรจาระหว่างรัฐบาล (Intergovernmental Negotiating Committee – INC) จัดทำ สนธิสัญญาพลาสติกโลก ที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อรับมือกับปัญหามลพิษพลาสติกอย่างเป็นระบบ
เป้าหมายของสนธิสัญญาฉบับนี้คือการควบคุมพลาสติก ตลอดทั้งวงจรชีวิต ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การผลิต การใช้ ไปจนถึงการกำจัด ข้อตกลงนี้จึงไม่ใช่แค่การพูดคุยเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่อาจกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมพลาสติกทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการประชุมมาแล้ว 4 รอบระหว่างปี 2022–2024 แต่จนถึงวันนี้ มลพิษพลาสติกกลับยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การประชุม INC รอบที่ 5 ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ปิดฉากลงโดยไม่สามารถตกลงร่างสุดท้ายได้
ขณะนี้ การเจรจาเข้าสู่เฟสสำคัญในการประชุม INC-5.2 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–14 สิงหาคม 2025 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีการประชุมปรึกษาหารือระดับภูมิภาคในวันที่ 4 สิงหาคมก่อนหน้านั้น
ทำไม INC-5.2 ถึงสำคัญ
การประชุม INC-5.2 ถือเป็นช่วงเวลาชี้ขาดที่จะกำหนดว่า โลกจะมีกติกาอย่างไรในการจัดการกับพลาสติกที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
เนื้อหาที่จะถูกหยิบยกขึ้นเจรจานั้นครอบคลุมตั้งแต่ การจำกัดการผลิต, การยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว, การกำหนดเป้าหมายการนำกลับมาใช้ใหม่ขั้นต่ำ, การกำหนดมาตรฐานการออกแบบผลิตภัณฑ์, ไปจนถึง ความโปร่งใสด้านส่วนประกอบเคมี
ยิ่งไปกว่านั้น สนธิสัญญาฉบับนี้ยังเน้นว่า "การดำเนินการต้องคำนึงถึงความเท่าเทียม" โดยเฉพาะบทบาทของผู้เก็บขยะ แรงงานนอกระบบ และชุมชนด่านหน้า ซึ่งมักถูกละเลยในการกำหนดนโยบายระดับโลกที่ผ่านมา
พลาสติกไม่ใช่เพียงแค่ “ขยะ” แต่เชื่อมโยงกับสุขภาพของมนุษย์ ภาวะโลกร้อน และความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้ง นั่นคือเหตุผลที่หลายฝ่ายยืนยันว่า การเจรจาครั้งนี้ไม่อาจล้มเหลวได้อีก
5 ประเด็นหลักที่ต้องจับตาใน INC-5.2
1. การจำกัดปริมาณการผลิต (Production Limits)
เป็นครั้งแรกที่มีการเสนอให้ตั้ง เพดานการผลิตพลาสติก เพื่อควบคุมมลพิษตั้งแต่ต้นทาง หัวข้อนี้จะเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนของเวทีเจนีวา
2. มุมมองแบบครบรอบชีวิต (Full Life-Cycle Approach)
การจัดการพลาสติกต้องมองทั้งวงจรชีวิต ตั้งแต่การออกแบบ วัสดุที่ใช้ ส่วนประกอบเคมี ไปจนถึงการรีไซเคิล โดยอาจมีข้อเสนอให้กำหนดมาตรฐานด้านการออกแบบและความโปร่งใสของสูตรเคมี
3. การยอมรับแรงงานนอกระบบ (Recognition of Informal Workers)
ระบบรีไซเคิลของโลกจำนวนมากพึ่งพาแรงงานนอกระบบ หากบรรจุกลุ่มแรงงานเหล่านี้เข้าสู่ระบบอย่างเป็นทางการ จะช่วยเสริมทั้งประสิทธิภาพและความเป็นธรรมในการดำเนินการ
4. การเชื่อมโยงกับสุขภาพและสภาพภูมิอากาศ (Health and Climate Linkages)
มลพิษจากพลาสติกไม่เพียงส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังกระทบสุขภาพมนุษย์ และปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตและทำลาย การประชุมจะเชื่อมโยงพลาสติกกับเป้าหมาย SDG3 (สุขภาพ) และ SDG13 (การรับมือ climate change)
5. เงินทุนและกลไกดำเนินงาน (Financing and Implementation)
เป้าหมายที่ทะเยอทะยานต้องการแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะกลไก “Extended Producer Responsibility” (EPR) ที่จะผลักภาระต้นทุนการจัดการพลาสติกให้กลับไปที่ผู้ผลิต