CIMB THAI ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต สู่ ‘AA(tha)’ จากฟิทช์ สะท้อนธุรกิจแกร่ง
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating เป็น ‘AA(tha)’ จากเดิม ‘AA-(tha)’
โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต ‘มีเสถียรภาพ’ จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ CIMB THAI มาจากแนวโน้มผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น เสริมศักยภาพให้ธนาคารสามารถสนับสนุนเป้าหมายทางธุรกิจของกลุ่มธนาคารแม่ได้ในระยะยาว
พร้อมตอกย้ำอย่างแข็งแกร่งของโครงสร้างเครดิตเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินชั้นนำอื่น ๆ ในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับโดยฟิทช์
ทั้งนี้ Fitch ให้เหตุผลว่า ธนาคารมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 1.3% ในปี 2567 จาก 0.7% ในปีก่อนหน้า
สะท้อนถึงการสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ อาทิ อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (CET1) อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก และ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ต่างปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แสดงถึงรากฐานทางการเงินที่มั่นคงและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตยังมาจากการที่ฟิทช์ประเมินว่า CIMB THAI ได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษจากกลุ่มซีไอเอ็มบี เพราะ CIMB THAI มีบทบาทสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการรุกธุรกิจใน ASEAN
โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่แข็งแกร่งในการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจ ให้บริการธุรกรรมระหว่างประเทศ ทั้งธุรกรรมการลงทุน การค้า และบริหารเงินขณะที่ CIMB Bank เป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของมาเลเซียที่มีเครือข่ายธุรกิจกว้างขวางในภูมิภาคอาเซียน มีรูปแบบธุรกิจหลากหลาย อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งในธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจบริหารเงินในภูมิภาค
นายเจสัน ลีออง ก๊อก ยิว รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการเงิน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า “การปรับเพิ่มอันดับเครดิตครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของตลาดต่อความแข็งแกร่งด้านการเงินของ CIMB THAI และบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์อาเซียนของกลุ่มซีไอเอ็มบี
โดยเราจะใช้จุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญและเครือข่าย ASEAN สร้างโอกาสใหม่ให้ลูกค้าและสนับสนุนการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในภูมิภาค ภายใต้โรดแมป Forward30 ที่มีเป้าประสงค์เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าให้ลูกค้า พร้อมสร้างคุณค่าให้สังคม (Advancing Customers and Society)”