วีระ เตือน วิกฤตการคลังกำลังมา แฉ รบ.ตั้งจ่ายนอกงบประมาณรสก.คงค้างพุ่ง 1 ล้านล. ธกส.รายเดียว 9 แสนล.
วีระ เตือน วิกฤตการคลังกำลังมา แฉ รบ.ตั้งงบจ่ายรายการนอกงบประมาณ รสก.คงค้างพุ่ง 1 ล้านล. ธกส.รายเดียว 9 แสนล. แนะเลิกนโยบายกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ทั้งธกส.-ออมสิน-บสย.ได้แล้ว
ต่อมาเวลา 16.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายไชยา พรหมา รองประธานสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายบประจำปีงบประมาณ 2569 วาระ 2 มีมติเห็นชอบมาตรา 28 งบประมาณรายจ่ายจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และพิจารณามาตรา 29 งบประมาณรัฐวิสาหกิจ โดย นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายว่า รัฐวิสาหกิจ 21 แห่ง ได้ของบประมาณมารวมกันเป็นเงินทั้งสิ้น 74,409.44 ล้านบาท ในบรรดารัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบมา ส่วนใหญ่ไม่ติดใจ เพราะจำนวนหนึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ หรือมีหนี้สินรุงรังไม่รู้จะแก้อย่างไร เช่น ขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.), การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นปัญหาข้ามทศวรรษ แต่สิ่งที่ควรต้องฝากถึงคนที่เกี่ยวข้อง รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา รัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า จะให้คงอยู่ในสภาพนั้น หรือจะแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคต เช่น บทเรียนจากการฟื้นฟูการบินไทย
นายวีระกล่าวต่อว่า ส่วนที่ตนติดใจคือ รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะ คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.), ธนาคารพัฒนาอุตสหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SMEs Bank และรัฐวิสาหกิจอีก 3 แห่ง คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งมีตัวเลขคำของบประมาณที่ไม่ควรมองข้าม
นายวีระกล่าวว่า ธ.ก.ส. เป็นรัฐวิสาหกิจที่ของบประมาณสูงที่สุด 20,203 ล้านบาท, บยส. 8,834.64 ล้านบาท, ธนาคารออมสิน 1,517 ล้านบาท ธนาคาร SMEs 278 ล้านบาท คำถามคือมาของบประมาณทำไม ในเมื่อต่างมีผลประกอบการและกำไรเป็นกอบเป็นกำ คำตอบที่เราอาจไม่ทราบกันคือ นี่คือรายการตั้งงบประมาณชำระคืนตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เกิดจากการที่หน่วยงานของรัฐดำเนินกิจกรรม มาตรการ และโครงการ โดยที่รัฐบาลรับปากว่า จะชดเชยค่าใช้จ่ายการสูญเสียรายได้ให้ในอนาคต แต่รัฐบาลกลับเอางบประมาณที่จัดสรรให้รัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ ที่มีลักษณะแตกต่างกัน มาไว้ในที่เดียวกัน
“ผมอยากจะบอกว่า แบบนี้ไม่ควรทำ เพราะเป็นการใช้เล่ห์เหลี่ยมในการจัดทำงบประมาณ เพื่อปกปิดการดำเนินการของรัฐบาลที่ใช้เงินนอกงบประมาณ ด้วยนโยบายกึ่งการคลังที่ไม่สามารถตรวจสอบได้” นายวีระกล่าว
นายวีระกล่าวอีกว่า ส่วนรัฐวิสาหกิจอีก 2 แห่ง คือ รฟม. และการทางพิเศษฯ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเช่นเดียวกันนี้ ซึ่งรัฐวิสาหกิจ 2 แห่งนี้ มีผลประกอบการที่มีกำไร ไม่ควรจะมาของบประมาณแบบนี้อีกต่อไป เรื่องนี้กระทรวงการคลังต้องไปคิด ล่าสุด รัฐบาลจะใช้งบประมาณ 47,000 ล้านบาท เพื่อให้ ธ.ก.ส.จ่ายสำรองไปก่อนเพื่อช่วยเหลือชาวนาสำหรับข้าวนาปรังและข้าวนาปีที่จะเกิดขึ้นต่อไป ก็ทำให้ ธ.ก.ส.ต้องมาแบกรับภาระเพิ่มเติม ข้อมูลที่น่าตกใจคือ ระเบิดเวลาลูกใหญ่ ที่เป็นรายการนอกงบประมาณด้วยนโยบายกึ่งการคลังในขณะนี้ มียอดคงค้างทั้งสิ้น 1,028,279 ล้านบาท และตัวเลขล่าสุด 107,700 ล้านบาท
“พูดง่ายๆ คือสมาชิกไม่มีสิทธิจะไปพิจารณารายการนอกงบประมาณรายจ่าย มูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท ตรงนี้เป็นจุดที่ควรต้องปรับ ที่น่าตกใจมากกว่านั้น ธ.ก.ส. ธนาคารเดียว ต้องทำตามนโยบายของรัฐ มียอดคงค้างที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณจ่ายมากถึง 9 แสนล้านบาท เป็นเงินที่ต้องจ่ายตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังประมาณ 742,000 ล้านบาท แม้จะมีรายการที่โอนเข้าเป็นหนี้สาธารณะไปแล้ว 160,207 ล้านบาท แล้วก็ตามที ยังไม่นับรวม บสย. ธนาคารออมสิน ที่มีรายการลักษณะเดียวกันรวมอยู่อีก 1 แสนล้านบาท” นายวีระกล่าว
นายวีระกล่าวว่า พูดง่ายๆ เรามีเงินนอกงบประมาณให้รัฐบาลใช้นโยบายกึ่งการคลังต่อเนื่องยาวนาน เป็นวงเงินยอดคงค้างถึง 1 ล้านล้านบาท งบที่เคยใช้นโยบายแบบนี้เมื่อปี 2554 เพิ่งจะตั้งงบประมาณใช้คืนในปี 2569 เวลาผ่านไปถึง 15 ปี ดังนั้น เงินก้อนนี้ ตนนึกไม่ออกเลยว่า จะใช้หมดเมื่อไร เพราะในระหว่างที่ใช้ไป ก็มีการให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ออกเงินให้รัฐบาลไปก่อนอีก
“พูดอย่างไม่ต้องเกรงใจ รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยเฉพาะ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน และ บสย.ได้แล้ว ถ้าหากยอดยังสูงในระดับ 1 ล้านล้านบาทในขณะนี้ เพราะนอกจากงบประมาณรายจ่ายที่เราเห็นแล้วว่าเป็นปัญหา ยังมีรายการนอกงบประมาณที่เป็นปัญหา เมื่อรวม 2 กระแสเข้าด้วยกัน วิกฤตการเงินการคลัง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก” นายวีระกล่าว
นายวีระกล่าวด้วยว่า ในปีหน้า งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับรัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าจะใช้หนี้หรือลงทุน จะกระโดดจาก 420,864 ล้านบาท เป็น 593,774 ล้านบาท และอีกรายการที่เป็นห่วงที่สุด คืองบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ ปี 2569 งบส่วนนี้ตั้งไว้ 366,776 ล้านบาท ซึ่งมากอยู่แล้ว แต่ที่น่าตกใจที่สุด ปี 2570-2572 จะกระโดดขึ้นไปเป็น 510,000 ล้านบาท กลายเป็น 516,000 ล้านบาท ก่อนจะกลายเป็น 530,000 ล้านบาท ในที่สุด หากเราไม่บริหารจัดการรายการนอกงบประมาณอย่างจริงจัง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : วีระ เตือน วิกฤตการคลังกำลังมา แฉ รบ.ตั้งจ่ายนอกงบประมาณรสก.คงค้างพุ่ง 1 ล้านล. ธกส.รายเดียว 9 แสนล.
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th