อย่าเอา 'คอมตั้งโต๊ะ' ไปทำงานร้านกาแฟ Starbucks เกาหลีใต้ ขีดเส้นออกกฎใหม่
ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ (Starbucks) ในประเทศเกาหลีใต้ ประกาศ "กฎใหม่" ที่ใช้กับทุกสาขาในประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยห้ามลูกค้านำ "คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ พรินเตอร์ ปลั๊กไฟ และฉากกั้นขนาดใหญ่" เข้ามาใช้ภายในร้านกาแฟ หลังจากที่เริ่มพบลูกค้าบางรายมีพฤติกรรมเหล่านี้
Starbucks ระบุว่าได้ติดป้ายประกาศใหม่แจ้งในร้านทุกสาขาทั่วประเทศแล้ว โดยป้ายยังขอให้ลูกค้านำสัมภาระออกไปจากร้านด้วยเมื่อเดินออกจากร้านเป็นเวลานาน และเคลียร์พื้นที่บนโต๊ะส่วนกลางเพื่อให้คนอื่นๆ สามารถนั่งได้
มาตรการนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าส่วนน้อย แต่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “cagongjok” ซึ่งเป็นคำผสมระหว่างคำภาษาเกาหลีที่แปลว่า "คาเฟ่" และ "กลุ่มคนที่ชอบอ่านหนังสือ" ซึ่งหมายถึงคนที่เข้ามานั่งแช่ทำงานหรืออ่านหนังสือเป็นเวลาหลายชั่วโมงในร้านกาแฟ
ส่วนใหญ่แล้วลูกค้ากลุ่มนี้จะใช้เพียงคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก หรือแล็ปท็อป แต่สตาร์บัคส์เผยว่าลูกค้าบางคนได้ใช้จอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ พรินเตอร์ และแม้แต่เอาฉากมากั้นนั่งทำงานแบบคอกกั้นในสำนักงานด้วย
ภาพของฉากกั้นออฟฟิศในร้านสตาร์บัคส์ ถูกแพร่สะพัดไปทั่วโลกโซเชียลในเกาหลีใต้ และมีข้อมูลว่าในบางกรณี มีการนำเอาเครื่องพรินเตอร์มาวางไว้บนเก้าอี้ใกล้เคียง ทำให้คนอื่นไม่สามารถนั่งได้ และลูกค้าบางรายถึงกับนำฉากกั้นเข้ามาเพื่อเปลี่ยนโต๊ะให้เป็นห้องส่วนตัว
โฆษกของ Starbucks เกาหลีใต้กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นเพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับความสะดวกสบายภายในร้าน และบริษัทยังระบุถึงความเสี่ยงที่ของเหล่านี้จะถูกขโมยหรือสูญหายหากลืมไว้อีกด้วย
ทั้งนี้ จำนวนร้านกาแฟในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในเวลาไม่ถึง 10 ปี สำนักงานสถิติแห่งเกาหลีรายงานว่า จำนวนร้านกาแฟเพิ่มขึ้นจากประมาณ 51,500 แห่ง ในปี 2558 เป็นมากกว่า 100,000 แห่ง ในปี 2567 หรือมากเกือบสองเท่าของจำนวนสาขาร้านสะดวกซื้อ 4 แห่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรวมกัน
ปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันความนิยมของร้านกาแฟ คือการเป็นพื้นที่นั่งทำงานและการนั่งอ่านหนังสือของเด็กนักเรียนนักศึกษา แต่การนั่งแช่ยาวก็อาจสร้างต้นทุนสูงสำหรับเจ้าของร้านเช่นกัน
สถาบันวิจัยอุตสาหกรรมบริการอาหารแห่งเกาหลีเคยประเมินเอาไว้เมื่อปี 2562 ว่า การจะทำกำไรต่อกาแฟหนึ่งแก้วที่ราคา 4,100 วอน (เกือบ 100 บาท) จะต้องนั่งในร้านไม่เกิน 1 ชั่วโมง 42 นาที เพราะหากนั่งแช่นานกว่านั้นจะถือว่าร้านไม่ได้กำไรแล้ว และในการประเมินล่าสุดเมื่อปี 2567 ที่ต้นทุนหลายอย่างแพงขึ้น จำนวนชั่วโมงก็ยิ่งลดลงเหลือ 1 ชั่วโมง 31 นาที
อย่างไรก็ตาม Starbucks ไม่ได้ห้ามการใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปหรือการนั่งอ่านนั่งติวหนังสือแบบปกติ แต่กฎใหม่นี้กำหนดขอบเขตไม่ให้เปลี่ยนร้านกาแฟให้เป็นออฟฟิศเต็มรูปแบบเท่านั้น
ที่มา: The Korea Herald