เมียนมาเซ็นสัญญาล็อบบียิสต์วอชิงตันหวังฟื้นสัมพันธ์สหรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างเอกสารที่ยื่นตามกฎหมายลงทะเบียนตัวแทนต่างชาติ (FARA) บริษัทดีซีไอกรุ๊ป ได้ลงนามข้อตกลงกับกระทรวงข่าวสารเมียนมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค. หนึ่งวันหลังกองทัพถ่ายโอนอำนาจให้รัฐบาลชั่วคราวนำโดยพลเรือนก่อนการเลือกตั้ง
ทั้งนี้กองทัพ นำโดยพลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย รัฐประหารในปี 2021 และในปีนั้นล็อบบียิสต์สัญชาติอิสราเอล-แคนาดารายหนึ่งที่รัฐบาลทหารว่าจ้างให้เป็นตัวแทนรัฐบาลในวอชิงตันและประเทศอื่นๆ กล่าวว่า เขาเลิกทำงานให้แล้วเพราะทำไปก็ไม่ได้ค่าจ้างเนื่องจากสหรัฐคว่ำบาตรเหล่านายพล
รอยเตอร์สอบถามไปยังกระทรวงการคลังสหรัฐ, ดีซีไอกรุ๊ป, กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำกรุงวอชิงตันว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐส่งผลต่อข้อตกลงระหว่างกระทรวงข่าวสารเมียนมากับดีซีไอกรุ๊ปหรือไม่ ยังไม่ได้รับคำตอบ
รอยเตอร์ระบุว่า การตั้งรัฐบาลชั่วคราวเป็นการส่งสัญญาณว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในเมียนมา มิน อ่องหล่ายยังครองอำนาจทุกอย่างในฐานะรักษาการประธานาธิบดี พร้อมๆ กับเป็นผู้บัญชาการกองทัพ ดูเหมือนว่าเขากระตือรือร้นจะมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังถูกโดดเดี่ยวมาหลายปี
ตอนที่ทรัมป์ขู่เก็บภาษีรอบใหม่ ทรัมป์ได้ทำหนังสือลงนามไปถึงมิน อ่องหล่าย นายพลรายนี้ตอบรับด้วยการยกย่องทรัมป์ว่าเป็น “ผู้นำเข้มแข็ง” พร้อมกับขอให้ลดภาษีและยกเลิกคว่ำบาตร โดยเขาพร้อมส่งทีมไปเจรจาที่วอชิงตันถ้าจำเป็น
การค้า-ทรัพยากรธรรมชาติ
ตามเอกสารดีซีไอกรุ๊ป “จะให้บริการงานสาธารณะแก่ลูกค้าด้วยความเคารพเพื่อรื้อฟื้นสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐสหภาพเมียนมากับสหรัฐ โดยมุ่งเน้นที่การค้า ทรัพยากรธรรมชาติ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม”
นายจัสติน ปีเตอร์สัน และนายไบรอัน แมคคาบี หุ้นส่วนฝ่ายบริหารของดีซีไอลงนามในวันที่ 1 ส.ค. โดยนายปีเตอร์สันเคยทำงานในรัฐบาลทรัมป์ 1
ปีก่อนรอยเตอร์เคยรายงานว่า เอฟบีไอกำลังสอบสวนดีซีไอกรุ๊ปในบทบาทล้วงข้อมูลมาเผยแพร่ พุ่งเป้าลูกค้าหลายร้อยรายที่วิจารณ์เอ็กซอนโมบิลมากที่สุด
ดีซีไอกรุ๊ปโต้ว่า ข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ บริษัทสั่งการให้พนักงานและที่ปรึกษาทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย