'ทูตญี่ปุ่น' เปิดใจ หนุนไทย-กัมพูชาหยุดยิง ไม่อยากเห็นอาเซียนถอยหลัง
นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เปิดเผยในกิจกรรม Networking สำหรับสื่อมวลชน ในวันนี้ (7ส.ค.68) จัดโดยสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
โดยตอนหนึ่ง เอกอัคราชทูตญี่ปุ่น ยกตัวอย่างสถานการณ์ความขัดแย้งทั่วโลกไม่เพียงแต่ไม่ได้ดีขึ้น แต่มีการใช้กำลังและความรุนแรงมากขึ้น โดยนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นต่อความขัดแย้งทุกกรณีทั่วโลกจะสนับสนุนการสร้างสันติภาพและการหยุดยิงอย่างแข็งขันเสมอมา
และเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ญี่ปุ่นจะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในความสามารถเพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความทุกข์ยากและอำนวยความสะดวกในการเจรจาเพื่อหาทางออก
"เราอาจไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงในการเจรจาในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย แต่ในหลายกรณี เราพยายามรักษาการติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประเทศที่ทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในการอำนวยความสะดวกสำหรับการสร้างสันติภาพ การหยุดยิง และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง" นายโอตากะ กล่าว
ญี่ปุ่นสนับสนุนการหยุดยิงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นายโอตากะ กล่าวว่า สถานการณ์นี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับความขัดแย้งอื่นๆ ในโลก นโยบายของญี่ปุ่นก็ยังคงเหมือนเดิม คือต้องการนำความสงบสุขและการแก้ไขปัญหาอย่างสันติมาสู่เหตุการณ์นี้
"ผมเขาได้เดินทางไปเยี่ยมชมพื้นที่ชายแดนด้วยตัวเอง รวมทั้งจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอุบลราชธานี และนโยบายของญี่ปุ่นคือการให้แน่ใจว่าจะได้มองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนด้วยตาตัวเองโดยตรง ผมได้มีโอกาสไปดูสถานที่ 3 แห่งตามที่ทราบกันแล้ว และสามารถพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งครอบครัวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นด้วย"
ทูตญี่ปุ่นเล่าว่า จากความรู้และความเข้าใจสถานการณ์ที่ได้มาจากการลงพื้นที่จริง แน่นอนว่าความเข้าใจที่ดีขึ้นจะเป็นประโยชน์สำหรับเราเสมอ เราจึงสามารถพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งไทยและกัมพูชา และสามารถหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ด้วยข้อมูลที่มากขึ้น และผลักดันการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ และการหยุดยิงด้วย
ชื่นชมใช้กลไกอาเซียนสร้างสันติภาพ
นายโอตากะ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับคุณค่าของอาเซียนว่า ประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังเดินทางไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยที่พวกเขาสามารถทำงานร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เขาเชื่อว่าอาเซียนต้องการสันติภาพและเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเสมอ ซึ่งทุกคนทั่วโลกก็ต้องการในสิ่งเดียวกัน
"เราเห็นตัวอย่างบางอย่างในสหภาพยุโรปเป็นต้น มีหลายประเทศ 28 ประเทศที่ทำงานร่วมกัน และยังคงขยายตัว หลายประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกพยายามเข้าร่วมสหภาพยุโรป และผู้เข้าร่วมทีหลังหลายราย รวมทั้งประเทศอย่างโรมาเนียและฮังการี พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมากจากการทำงานร่วมกับสหภาพยุโรป และพวกเขายืนหยัดร่วมกันในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อปัญหาบางอย่างเช่นกัน"
เอกอัครราชทูตเชื่อว่า อาเซียนกำลังพยายามที่จะเป็นสิ่งที่คล้ายคลึงกับสหภาพยุโรป และสิ่งนี้มีคุณค่ามาก และการที่ปัญหาไทย-กัมพูชา ได้นำประเทศสมาชิกของอาเซียนบางประเทศเข้ามาเป็นคนกลางคิดว่ามีคุณค่ามาก พร้อมกันนี้ญี่ปุ่นสนับสนุนความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและได้ทำงานกับอาเซียนในหลายหลายด้าน
รวมทั้งข้อตกลงการค้าเสรี ญี่ปุ่นมีข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีกับประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ ข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) เป็นหนึ่งในข้อตกลงที่สำคัญที่สุดแน่นอน ญี่ปุ่นยังมีข้อตกลงที่เรียกว่า AJCEP (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership) ด้วย แต่ยังมี RCEP และอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาเซียนอีกครั้งหนึ่ง
"ดังนั้น อาเซียนจึงมีประสิทธิภาพจริงๆ ในการเป็นศูนย์กลางของการมีส่วนร่วมใหม่ทั้งหมดเหล่านี้ในภูมิภาคนี้ และนี่คือสิ่งที่เราให้การสนับสนุนและเราให้ความเคารพ" นายโอตากะกล่าว
ความเชื่อมโยงและผลกระทบต่อธุรกิจญี่ปุ่น
เมื่อพูดถึงเรื่องความเชื่อมโยง (connectivity) นายโอตากะ อธิบายว่า สิ่งที่นำอาเซียนมาสู่จุดที่เป็นอยู่ คิดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่อาเซียนสามารถเจริญรุ่งเรืองได้ และนี่คือเหตุผลที่อาเซียนให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยง และเราก็สนับสนุนสิ่งนั้น ทั้งนี้สิ่งที่เป็นเดิมพันจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาคือความเชื่อมโยงนี้เอง เพราะมีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งที่ลงทุนในไทยและในกัมพูชา พวกเขาได้ลงทุนด้วยความหวังว่าจะใช้ความเชื่อมโยงที่มีอยู่ในอาเซียน
"แต่หากความเชื่อมโยงนี้จะไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปเป็นผลจากสถานการณ์ปัจจุบัน นี่จะเป็นการถอยหลังครั้งใหญ่สำหรับอาเซียน ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ติดตามอย่างใกล้ชิด หวังเพียงว่าสิ่งต่างๆ จะสงบสุขและทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขอย่างสันติ " นายโอตากะ กล่าว