สวนกลับธีรรัตน์ "อนุทิน" ชี้ตั้งผู้ว่าฯ เป็นหน้าที่ปลัด มท.
วันนี้ (12 ส.ค.2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กล่าวหาว่าการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นฝีมือของ "มท.1 คนเก่า" ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ล่าช้า จนนำไปสู่การย้ายผู้ว่าฯ ออกจากพื้นที่
นายอนุทินโต้กลับว่า ข้อกล่าวหานี้ "พูดมั่ว" เพราะการแต่งตั้งข้าราชการระดับ C10 เช่น อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงมหาดไทยในการเสนอชื่อต่อ ครม. เพื่อรับทราบ ไม่ใช่การตัดสินใจของ รมว.มหาดไทย เพียงคนเดียว
พร้อมยังย้อนถามว่า หากใช้ตรรกะนี้ การแต่งตั้งอธิบดีหรือผู้ว่าฯ ในยุคปัจจุบันต้องเป็น "เด็ก" ของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หรือ "มท.อ้วน" และ "มท.2" หรือไม่ ย้ำว่าการแต่งตั้งทุกครั้งผ่านความเห็นชอบของ ครม. และไม่ควรนำมาเป็นประเด็นการเมืองเพื่อหักหน้ากัน
นายอนุทินยังกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังน่าเป็นห่วง โดยระบุว่าพรรคภูมิใจไทยมี สส.ในทุกจังหวัดที่ติดชายแดน และ สส.เหล่านี้ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ดูแลความเดือดร้อนอย่างเต็มที่จนไม่ต้องพึ่งพาการเบิกงบจากผู้ว่าราชการจังหวัด
พร้อมปฏิเสธแนวคิดที่มองว่าปัญหาชายแดนเป็น "ศึกระหว่าง 2 ตระกูล" โดยย้ำว่าเป็นเรื่องอธิปไตยของชาติ และเรียกร้องให้รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศเร่งหาทางออกโดยเร็วเพื่อคลายความตึงเครียด นายอนุทินเน้นว่า ปัญหานี้ไม่ควรถูกมองเป็นเรื่องส่วนตัวหรือความขัดแย้งส่วนบุคคล แต่เป็นประเด็นระหว่าง 2 ชาติที่ต้องแก้ไขด้วยความร่วมมือ
สำหรับกรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีการถกเถียงเรื่องการเพิกถอนสิทธิ์โดยกรมที่ดิน นายอนุทินแสดงจุดยืนว่าทุกฝ่ายต้องเคารพกฎหมาย และการเพิกถอนต้องรอคำพิพากษาศาลที่ชัดเจนและเป็นเอกฉันท์ และอธิบายว่า การตีความคำตัดสินศาลฎีกาที่ผูกพันเพียง 35 ราย ไม่สามารถเหมารวมเพิกถอนทั้งหมดได้ทันที ต้องดำเนินการตามคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามมาตรา 61 ซึ่งตนไม่ได้เป็นผู้จัดตั้ง
นายอนุทินตั้งคำถามถึงการที่นายภูมิธรรมเคยประกาศเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2568 ว่าจะเพิกถอนสิทธิ์ทันที แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการ โดยระบุว่าหากกฎหมายอนุญาตให้รื้อถอนได้ก็ต้องทำ แต่หากกฎหมายห้ามก็ต้องเคารพ พร้อมแสดงความกังวลว่าการเมืองที่เต็มไปด้วยการกลั่นแกล้งและอาฆาตแค้นจะทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ ยืนยันว่าในสมัยที่ตนเป็น รมว.มหาดไทย 2 ปี ไม่เคยใช้อำนาจกลั่นแกล้งใครหรือทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ
นายอนุทินยังแสดงความเห็นที่ปมเขากระโดงยืดเยื้อมานาน 20 ปี และยังไม่จบแม้เขาได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วว่าทุกคนมีสิทธิ์ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนตามกฎหมาย และหากศาลมีคำวินิจฉัยชัดเจน ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม เรียกร้องให้การเมืองไทยหยุดใช้เรื่องส่วนตัวมาทำลายกัน เพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่สิ้นสุดและบั่นทอนความก้าวหน้าของชาติ
อ่านข่าวอื่น :
นานาชาติประณามอิสราเอลโจมตีเต็นท์นักข่าวอัล จาซีรา เสียชีวิต 5 คน