ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที
นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 13 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2568 และ 2569 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ส่วนมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามารถในการแข่งขัน
รวมทั้งเศรษฐกิจบางภาคส่วนมีความเปราะบางมากขึ้นโดยเฉพาะ SMEs ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทาน
คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมได้บ้าง เพื่อให้ภาวะการเงินเอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจและช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบาง จึงมีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%ในการประชุมครั้งนี้
คณะกรรมการฯ มองว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ขยายตัวดีจากการส่งออกกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ และภาคการผลิต มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีแนวโน้มชะลอลงจากช่วงครึ่งแรกของปีจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของมาตรการภาษีสหรัฐฯ และจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มระยะใกล้ที่ลดลงตามการแข่งขันในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจ SMEs ลูกจ้าง และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ด้านการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำจากความเชื่อมั่นและแนวโน้มรายได้ที่ชะลอลง โดยต้องติดตามผลกระทบของการเก็บภาษี transshipment และการแข่งขันกับสินค้านำเข้า
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ โดยราคาอาหารสดปรับลดลงจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และราคาหมวดพลังงานที่โน้มลงตามราคาน้ำมันดิบโลก อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าและบริการอื่นไม่ได้ลดลงตามเป็นวงกว้าง สะท้อนในอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่มีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่อยู่ในระดับต่ำมีส่วนช่วยบรรเทาไม่ให้ค่าครองชีพของประชาชนและต้นทุนของธุรกิจยิ่งสูงไปกว่านี้
สินเชื่อหดตัวต่อเนื่องตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะใน SMEs และครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ ประกอบกับการชำระคืนหนี้ที่เพิ่มขึ้นและความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ที่ปรับลดลงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ สำหรับคุณภาพสินเชื่อยังปรับด้อยลงโดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินภูมิภาค ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับลดลงตามคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ติดตามการขยายตัวของสินเชื่อและการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทซึ่งอาจมีนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสนับสนุนมาตรการทางการเงินเพื่อลดต้นทุนทางการเงินและบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง
ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินในระยะข้างหน้าควรอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันควรคำนึงถึงการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะปานกลางและขีดความสามารถของนโยบายการเงินที่มีจำกัด
นายสักกะภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ เหลือ 1.50% ต่อปี เกิดขึ้นไม่กี่ครั้ง ถือว่าลงมาอยู่ในระดับค่อนข้างผ่อนคลาย โดยที่ผ่านมา ได้เคยมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปถึงระดับ 0.50% ต่อปี ในช่วงวิกฤตโควิด-19
ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 ที่ 2.3%
อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 ที่ 2.3% และมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าคาด จากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีในครึ่งปีแรก และ GDP ไตรมาส 2 ที่ยังขยายตัวได้ดีและมากกว่าประมาณการ พร้อมยอมรับว่า เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังชะลอตัวและต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 69 โดยเฉพาะภาวะสินเชื่อที่ยังไม่เห็นสัญญาณดีขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคยังคงมีน้อย พร้อมยืนยันว่า ยังไม่เห็นสัญญาณความเสี่ยงของภาวะเงินฝืด
ทั้งนี้ ธปท. จะหารือกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ส่งผ่านให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงตามไปด้วย
ส่วนการกำกับดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าภูมิภาคอื่นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากปัจจัยดอลลาร์อ่อนและเคลื่อนไหวตามราคาทองคำที่สูงขึ้นนั้น ธปท. จะดูแลให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเศรษฐกิจ และจะหารือกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางดูแลการซื้อขายทองคำไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทต่อไป
นอกจากนี้ สำหรับปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่มากนัก ซึ่งจะกระทบต่อการค้าชายแดน โดยเฉพาะยอดการส่งออก ไตรมาส 3 ปี 68 แต่จะไม่กระทบต่อภาคการลงทุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โบรกเกอร์ มองหุ้น OR คงคําแนะนํา “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 18.00 บาท
ต่างชาติเที่ยวไทย กว่า 20 ล้านคน กวาดรายได้ กว่า 9 แสนล้าน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com