ส่องสถานการณ์ 'แรงงาน' ครึ่งปีแรก มองอัตรา 'ภาษีสหรัฐ 19 %' ผลบวกจ้างงาน
ครึ่งปีแรก 2568 เศรษฐกิจเผชิญหลายปัจจัยเชิงลบ จนส่งผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ ส่งต่อเป็นลูกโซ่ถึงภาคแรงงาน ซึ่งการรายงาน สถานการณ์แรงงาน ของประเทศไทยในเดือน มิ.ย.2568 ซึ่งอ้างอิงข้อมูลช่วงเดือนพ.ค.2568 พบว่า อัตราว่างงาน ลดลง แต่มี 3 อุตสากรรมที่การจ้างงานหดตัวมากที่สุด
สถานการณ์แรงงานของประเทศไทย
จากรายงานสถิติเศรษฐกิจแรงงานระหว่างประเทศ ประจำเดือน มิถุนายน 2568 จัดทำโดยกองเศรษฐกิจการแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่าถึง สถานการณ์กำลังแรงงานไทย ประชากรวัยแรงงานที่มีอายุ 15 ปี ขึ้นไป เดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนประมาณ 59.13 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น
1.กำลังแรงงานประมาณ 39.78 ล้านคน คิดเป็น 67.28 % ของจำนวนประชากรวัยแรงงาน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำประมาณ 39.45 ล้านคน คิดเป็น 99.17 % และผู้ว่างงานประมาณ 0.33 ล้านคน คิดเป็น 0.83 %
2.ผู้ที่ไม่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 19.35ล้านคน คิดเป็น 32.72 % ของจำนวนประชากรวัยแรงงาน
การจ้างงานของไทยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
ผู้มีงานทำ เดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนประมาณ 39.45 ล้านคน โดยคิดเป็นอัตราส่วนผู้มีงานทำต่อจำนวนประชากรวัยแรงงานที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปจำนวน 59.13 ล้านคนนั้น เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 66.72 % จำนวนผู้มีงานทำในภาคอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2568 ประกอบด้วย
- ผู้มีงานทำภาคเกษตร จำนวนประมาณ 11.00 ล้านคน คิดเป็น 27.78 % ของผู้มีงานทำทั้งหมด
- ผู้มีงานทำนอกภาคเกษตร จำนวนประมาณ 28.48 ล้านคน โดยคิดเป็น 72.22 % ของผู้มีงานทำทั้งหมด
อุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานขยายตัวสูงสุด 3 อันดับแรก เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (%MoM) ได้แก่
- การจัดหาน้ำ การจัดการ และการบำบัดน้ำเสีย ของเสีย สิ่งปฏิกูล 33.92 %
- กิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และเทคนิค 24.65 %
- ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร 19.41 %
อุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานหดตัวสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
- การทำเหมืองแร่ และเหมืองหิน -53.55 %
- กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ -32.55 %
- กิจกรรมการจ้างงานในครัวเรือนส่วนบุคคล กิจกรรมการผลิตสินค้าและบริการที่ทำขึ้นเองเพื่อใช้ ในครัวเรือน -18.53 %
สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานขยายตัวสูงสุด 3 อันดับแรก เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา(%YoY) ได้แก่
- ไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำ และระบบปรับอากาศ 23.21 %
- การขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้า 14.02 %
- กิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ 8.05 %
ขณะที่อุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานหดตัวสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
- กิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และเทคนิค -17.76 %
- การทำเหมืองแร่ และเหมืองหิน -16.73 %
- ศิลปะ ความบันเทิง และนันทนาการ -9.06 %
สถานการณ์การว่างงาน
จำนวนผู้ว่างงาน เดือนพฤษภาคม 2568 ประมาณ 0.33 ล้านคน อัตราการว่างงานลดลงจากเดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 0.83 % เมื่อเทียบอัตราการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้ว่างงานลดลงจากเดือนที่ผ่าน อยู่ที่ -17.50 % และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ -31.52 %
รับมือแรงงานครึ่งปีหลัง
สำหรับ 2568 ครึ่งปีหลัง ปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อสถานการณ์แรงงาน ได้แก่ การสู้รบสถานการณ์ไทย-กัมพูชา และภาษีสหรัฐที่ไทยได้ในอัตรา 19 %
กรณีแรงงานกัมพูชา แห่เดินทางกลับประเทศ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ว่า หากสถานการณ์ไทย-กัมพูชาสงบลง คาดว่า บางส่วนจะกลับเข้ามาทำงานในไทยอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานได้มีการเตรียมความพร้อมในการนำแรงงาน สัญชาติอื่นๆเข้ามาทดแทน ทั้งเมียนมา ลาว เวียดนาม รวมถึง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และหารือกับฝ่ายความมั่นคง ในการนำเข้ารายงานชาวศรีลังกาเข้ามา
"เดิมมีการจ้างแรงงานต่างด้าว แค่ 4 สัญชาติ ทำให้มีความเสี่ยงถ้าเกิดมีเหตุการณ์ความไม่สงบ เกิดขึ้นกับประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงจำเป็นจะต้องมีการเพิ่มประเทศที่ 5 หรือ 6 ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นการเฉลี่ยความเสี่ยง ไม่ให้มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น" นายพงศ์กวิน กล่าว
อัตราภาษีสหรัฐส่งผลดีต่อจ้างงานในอนาคต
ส่วนภาษีสหรัฐที่เตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้าไทยอัตรา19% นายพงศ์กวิน กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าว ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อทั้งภาคแรงงานและผู้ประกอบการไทย ซึ่งภาษีอัตรา 19% เป็นแต้มต่อที่เสริมศักยภาพของไทยในเวทีการค้าโลก ยังคงมีความได้เปรียบด้านการผลิตและโครงสร้างแรงงาน
เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ได้รับภาษีในอัตราสูงกว่า โดยเฉพาะประเทศที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตลาดสหรัฐ ยิ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและภาษีนำเข้า จึงถือเป็นผลบวกที่น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานในอนาคต
“ในปีนี้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้ว 2 ครั้ง หากขึ้นอีกก็เป็นครั้งที่ 3 ผู้ประกอบการคงรับไม่ไหว จึงยังไม่มีการหารือหรือพิจารณาในเร็วๆ นี้ เนื่องจากการปรับขึ้นค่าแรงจำเป็นต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างรายได้แรงงานและภาระของผู้ประกอบการต้องพิจารณาให้รอบด้าน”นายพงศ์กวินกล่าว