ค้านของบรัฐ เพิ่ม 800 ล้านเคลียร์สต๊อกนม ร.ร.100 ล้านกล่อง
โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน งบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทมีปัญหาเกิดขึ้นทุกปี ตั้งแต่การกำหนดหลักเกณฑ์ จนถึงการจัดสรรโควตาและพื้นที่จำหน่ายให้แก่โรงเรียนมาที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเรื่อง ทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์โคนม รัฐวิสาหกิจ และสถาบันการศึกษา ในการดำเนินกิจการผลิตนม มีการแบ่งจัดสรรสิทธิให้สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์) 485.593 ตัน/วัน (ร้อยละ 50) และผู้ประกอบการภาคเอกชน (ไม่ใช่สหกรณ์) 485.593 ตัน/วัน (ร้อยละ 50) ซึ่งเด็กอนุบาลจนถึงชั้น ป. 6 สามารถดื่มนมได้ 260วัน โดยแบ่งจัดสรรสิทธิและพื้นที่การจำหน่ายนมโรงเรียน ทั้งสิ้น 976.086 ตัน/วัน
นายสุบิน ป้อมโอชา ประธานกรรมการ สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการจัดสรรพื้นที่จำหน่ายใน 7 กลุ่ม ตามมติ ครม.ออกมาดี แต่เวลาจัดจริงกรรมการในพื้นที่มองว่ายังมีความไม่เป็นธรรม ส่งผลทำให้สหกรณ์กลายเป็นเบี้ยล่างไม่มีอำนาจในการต่อรองเมื่อเทียบกับเอกชน เช่น สหกรณ์โคนมหนองโพฯ โควตาถูกปรับลดลงเหลือ 48 ตันต่อวัน จากปีก่อนได้ 62 ตันต่อวันนอกจากนี้ ผู้บริหารของกระทรวงเกษตรฯ ขอให้ไปรับนํ้านมดิบเพิ่มจากเกษตรกรที่ถูกเอกชนปฏิเสธรับนํ้านมดิบอีกหลายแห่ง ประกอบกับปีนี้กว่าจะส่งนมให้โรงเรียนก็มีความล่าช้ากว่าปกติ โดยกว่าจะส่งได้ก็เข้าเดือนมิถุนายน ทำให้ต้องแบกสต๊อกเพิ่มขึ้นทุกวัน
“ล่าสุดสหกรณ์หนองโพ ร่วมกับ 19 สหกรณ์ ได้ให้ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย ประสานกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากนมกล่องค้างสต๊อกกว่า 100 ล้านกล่อง มีมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ที่ต้องเร่งจำหน่าย เพื่อให้ได้เงินมาชำระค่านํ้านมดิบแก่องค์กรเกษตรกร ล่าสุดทางสภาเกษตรกรฯ ได้รับเรื่องแล้วและจะประสานรัฐบาลช่วยต่อไป อย่างไรก็ดีอยากให้เร่งแก้ปัญหาในการเปิดเรียนเทอม 2 ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยให้มีการทบทวนและแก้ไขใหม่ให้เป็นไปตามมติ ครม. เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์โคนม รัฐวิสาหกิจ และสถาบันการศึกษา ในการดำเนินกิจการผลิตนมโรงเรียน”
ขณะที่นายอำนวย ทงก๊ก ประธานที่ปรึกษากรรมการสหกรณ์โคนมวังนํ้าเย็น จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนมโรงเรียน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยหากสภาเกษตรกรแห่งชาติ จะไปของบประมาณเพิ่มเติมอีก 800 ล้านบาท มาช่วยแก้ปัญหานมโรงเรียนค้างสต๊อก เนื่องจากรัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณอีกในหลายเรื่อง เช่น เยียวยานํ้าท่วม เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะไทย-กัมพูชารวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายภาษีของสหรัฐ และอื่น ๆ ซึ่งมองว่ารัฐบาลให้งบนมโรงเรียนปีละ 14,000 บาท ก็เพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินธุรกิจในการแก้ปัญหา เฉกเช่นบริษัทอื่นๆ ทั่วไป
สอดคล้องกับแหล่งข่าวผู้ประกอบการนมโรงเรียน กล่าวว่า สต๊อกนมโรงเรียนจำนวนมหาศาลดังกล่าวเป็นไปได้อย่างไร จะเหลือได้อย่างไร ใช้นํ้านมดิบที่ไหนมาผลิตเพราะมีทั้งรูปแบบนมพาสเจอร์ไรส์ด้วย ที่ต้องส่งระหว่างเปิดเรียน ซึ่งการแก้ปัญหาควรแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ควรรื้อโควตาใหม่ เนื่องจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือตำบล เซ็นสัญญาซื้อขายเป็นปี ข้อเสนอในการทำเอ็มโอยูซื้อขายนํ้านมดิบในประเทศที่จะจัดขึ้นประมาณเดือนตุลาคม ควรจะทำพร้อมกับการจัดทำหลักเกณฑ์นมโรงเรียนปี 2569 ทีเดียว เนื่องจากสหกรณ์หรือเอกชน ที่คิดว่าจะได้โควตาเพิ่มก็ไปกว้านรับซื้อนม แต่พอไม่ได้ตามเป้าก็มีปัญหาซํ้ารอยเดิมทุกปี
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,119 วันที่ 3-6 สิงหาคม พ.ศ. 2568