วุฒิสภาล้วงลูกองค์กรอิสระ ยุติธรรมไทยสั่นไหว เสี่ยงวิกฤตศรัทธา
บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ
องค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ, ป.ป.ช., และ กกต. มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ หากการคัดเลือกบุคลากรเข้าสู่ตำแหน่งเหล่านี้ไม่โปร่งใส หรือถูกครอบงำโดยกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่ง ประชาชนจะเริ่มไม่เชื่อมั่น และมองว่าองค์กรเหล่านี้เป็นเพียง "เครื่องมือของอำนาจ" ไม่ใช่ "ผู้ตรวจสอบอำนาจที่แท้จริง"
ทำลายความเป็นกลางทางการเมือง
วุฒิสภาชุดปัจจุบันมาจากการสรรหาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ หากวุฒิสมาชิกมีส่วนในการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญหรือกรรมการองค์กรอิสระ โดยมีวาระซ่อนเร้น เช่น การเลือกบุคคลที่จะไม่ลงโทษพวกพ้องของตนเองในอนาคต จะทำให้ ความเป็นกลางของระบบยุติธรรมหมดความหมายลงทันที
ลดทอนความชอบธรรมของกระบวนการยุติธรรม
แม้ว่าองค์กรอิสระเหล่านี้จะยังคงทำหน้าที่ตามกฎหมายได้ แต่หากจุดเริ่มต้นของการแต่งตั้งถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง คำตัดสินหรือการใช้อำนาจของพวกเขาจะถูกมองด้วยความสงสัย ซึ่งอาจนำไปสู่การที่ การบังคับใช้กฎหมายสะดุด และในระยะยาว อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ "การไม่เชื่อฟังอำนาจรัฐ"
เกิดวิกฤตศรัทธาใน “กติกา” ของประเทศ
การเมืองไทยอยู่ในจุดที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามถึง "กติกา" ที่ใช้กำกับสังคม หากกระบวนการคัดเลือกองค์กรอิสระยังคงเป็นไปในรูปแบบที่ขาดความโปร่งใส จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดแรงกดดันในสังคมที่ต้องการ การปฏิรูปครั้งใหญ่ ทั้งในส่วนของรัฐธรรมนูญ ระบบการตรวจสอบ และอาจรวมถึงโครงสร้างของวุฒิสภาเอง
ลดความเชื่อมั่นจากนานาชาติ
องค์กรระหว่างประเทศ เช่น UN, EU และกลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติ ล้วนให้ความสำคัญกับหลัก นิติธรรม (Rule of Law) หากพวกเขาเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทย "ถูกแทรกแซงทางการเมือง" อาจส่งผลกระทบต่ออันดับความโปร่งใสของประเทศ (เช่น ดัชนีการรับรู้การทุจริตของ Transparency International) และ ความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีโลก
บทสรุป
การที่วุฒิสภาเข้าแทรกแซงองค์กรอิสระ ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับ "ตัวบุคคล" หรือ "คดีเฉพาะหน้า" เท่านั้น แต่ยังเป็นการ บ่อนทำลายความไว้วางใจใน "สถาบัน" ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตย
หากกระบวนการยุติธรรมถูกมองว่าไม่ยุติธรรมอีกต่อไป ประชาชนอาจหันไปหาทางออกอื่น ๆ ซึ่งอาจไม่เป็นไปในทิศทางที่รัฐบาลต้องการ
เนื้อหาประกอบข่าว เนชั่นอินไซต์