เขากระโดง สะเทือนเก้าอี้ อธิบดีกรมที่ดิน บททดสอบความศักดิ์สิทธิ์คำสั่งศาล
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นร้อน "ที่ดินเขากระโดง" จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล
กรมที่ดินชี้แจงชัดเจนว่า การเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินสามารถทำได้เพียง 3 กรณีเท่านั้น ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
ล่าสุดปลัดกระทรวงมหาดไทยเตรียมสรุปรายงานเสนอ รมว.มหาดไทย พิจารณาชี้ขาด
เปิด 3 กรณีเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินตามกฎหมาย
เพิกถอนตามคำพิพากษาศาล: หากศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารสิทธิที่ดิน อธิบดีกรมที่ดินสามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน และถือเป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าพนักงานที่ดินที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล
แก้ไขความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย: เป็นการแก้ไขความผิดพลาดจากการเขียนหรือพิมพ์ที่สามารถพิสูจน์ได้ และผู้มีส่วนได้เสียทุกคนต้องให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
ออกเอกสารโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย: กรณีนี้ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยอธิบดีกรมที่ดิน หากผลสอบพบว่าออกโดยมิชอบ อธิบดีสามารถออกคำสั่งเพิกถอนได้ แต่หากไม่พบความผิดปกติ จะต้องดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการ เช่น การสั่งยุติเรื่อง
ความคืบหน้าคดีเขากระโดง และคำสั่ง "ภูมิธรรม"
ความคืบหน้าล่าสุด ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับหนังสือชี้แจงจากอธิบดีกรมที่ดินแล้วเกี่ยวกับคดีเขากระโดง ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองและศาลฎีกา
โดยขั้นตอนต่อไปคือปลัดกระทรวงมหาดไทยจะจัดทำรายงานสรุปเสนอ รมว.มหาดไทย เพื่อพิจารณาต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี สั่งการด่วนให้กรมที่ดินชี้แจงภายใน 7 วัน ถึงเหตุผลที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล พร้อมระบุว่า หากคำชี้แจงไม่ชัดเจน จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและอาจพิจารณาโยกย้ายอธิบดีกรมที่ดินหากพบการกระทำผิด
นอกจากนี้ ยังยืนยันจะตรวจสอบทุกคดีที่ถูกตั้งข้อสงสัย รวมถึงกรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์
ต่อมา นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการชุดนี้มีจำนวน 7 คน และมีอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาแนวทางดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
คำสั่งดังกล่าวระบุว่า สืบเนื่องจากเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในผลการตรวจสอบการถือครองที่ดินของกรมที่ดิน หลังจากที่ศาลปกครองกลางเคยมีคำพิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาแนวเขตที่ดินของการรถไฟฯ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ แต่กลับมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรม รมช.มหาดไทยจึงอาศัยอำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยมี นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ พร้อมด้วยผู้แทนจากกรมพินิจฯ สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานบังคับคดี และการรถไฟแห่งประเทศไทย รวม 7 คน
คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบเอกสาร รวมถึงเชิญบุคคลหรือผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูล ก่อนจะสรุปผลการตรวจสอบพร้อมข้อเสนอแนะส่งให้ รมช.มหาดไทย พิจารณาสั่งการตามขั้นตอนต่อไป