“จตุพร” เผยอาจนัดชุมนุมใหญ่กลางเดือน ส.ค. ถามฝ่ายค้านอยู่ฝ่ายไหนกันแน่
คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย สรุปรายละเอียดการจัดกิจกรรมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยยืนยัน 3 ข้อเรียกหลัก คือนายกฯ ต้องลาออก พรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัว และปกป้องอธิปไตย พร้อมย้ำจุดยืนไม่เอารัฐประหารและไม่เอานายกแพทองธาร ชินวัตร โดยหลังจากนี้เตรียมแนวทางการชุมนุมให้เข้มข้นขึ้นกระจายไปต่างจังหวัดให้ครบทุกภูมิภาค พร้อมนัดหมายชุมนุมใหญ่อีกครั้งกลางเดือนสิงหาคมนี้
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. สรุปรายละเอียดกิจกรรมชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าในภาพรวมถือว่าเป็นการแสดงพลังที่มีคุณค่าต่อประเทศไทย ที่ประชาชนนำธงชาติไทยมาโบกสะบัดและร้องเพลงชาติไทยไปพร้อม ๆ กัน ส่วนการรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปได้ดี งานชุมนุมในวันดังกล่าวจึงถือเป็นการรวมพลังแผ่นดินครั้งใหญ่ของประชาชนทุกภาคส่วน ส่วนครั้งต่อไปกิจกรรมจะเข้มข้นขึ้นและจะพยายามจัดเวทีให้ครบทุกภูมิภาค
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยว่าการชุมนุมที่ผ่านมาประชาชนมาร่วมด้วยตัวเองไม่มีการจัดตั้ง โดยก่อนการชุมนุม ยังมีการกล่าวหาว่าชุมนุมเป็นการปูทางให้การรัฐประหาร ซึ่งตัวเองและแกนนำได้แถลงชัดเจนว่าไม่เอารัฐประหาร มีข้อเรียกร้องเพียง 3 ข้อ เท่านั้น คือนายกฯ ต้องลาออก พรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัว และปกป้องอธิปไตยของชาติ
นายจตุพร ยังกล่าวถึง พรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการที่ประธานสมาชิกวุฒิสภา ยื่นเรื่องร้องเรียนไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงที่พรรคภูมิใจไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในประเด็นเรื่องความมั่นคงของชาติ กรณีคลิปเสียงหลุดและพฤติกรรมต่าง ๆ แต่จนถึงตอนนี้พรรคประชาชนยังไม่เห็นชอบ จึงอยากถามว่าพรรคประชาชนเป็นฝ่ายไหนกันแน่ เพราะการที่ประชาชนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก พรรคประชาชนกลับเรียกร้องให้ประชาชนถอนตัวจากการชุมนุม จึงอยากให้ไปทบทวนให้ดี อย่าใส่ความว่าประชาชนเรียกร้องรัฐประหาร
ส่วนทิศทางการชุมนุมหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ รวมถึงเวทีต่างจังหวัดจะเลือกจังหวัดที่มีความพร้อม อาทิ สามารถรวบรวมประชาชนได้ หรือในระหว่างนี้หากเกิดสถานการณ์ฉับพลันใน กทม.ก็จะแถลงข่าวและนัดหมายกันเป็นระยะ ส่วนเวทีใหญ่คาดว่าจะจัดอีกครั้งกลางเดือนสิงหาคมนี้
ขณะที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า ได้รับมอบจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้มาย้ำจุดยืนของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยว่าไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร และยังยืนยันใน 2 ข้อเรียกร้องหลักคือนายกรัฐมนตรีต้องลาออกจากตำแหน่งและพรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัว ซึ่งเป็นจุดยืนตรงกัน
นายปานเทพยังชี้แจงถึงกรณีที่มีคนด้อยค่าว่า การชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ มีนายทุนหนุนหลัง โดยตั้งแต่เปิดรับบริจาคจนถึงขณะนี้มียอดบริจาครวมกว่า 30 ล้านบาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายจากการชุมนุมที่ผ่านมามีเงินบริจาคที่จะมอบให้ส่วนต่าง ๆ กว่า 28 ล้านบาท คือกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1.1 ล้านบาท และกองทัพภาคที่ 2 ประมาณ 27 ล้านบาท โดยจะจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับลาดตระเวนป่าไม้ในเวลากลางคืน และได้เตรียมเงินไว้ 11 ล้านบาท รวมถึงสาธารณูปโภคเพื่อความปลอดภัยของทหาร เช่น ห้องน้ำสำเร็จรูปไฟเบอร์กลาส รถตัดหน้าขุดหลังล้อยาง และรถขุดบางรุ่น ซึ่งจัดสรรตามที่กองทัพได้เสนอมาทั้้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท และยังมีเครื่องปั่นไฟ แบตเตอรี่ โซลาเซลล์ และสายไฟอีกหลายชนิด.