โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

อนุสรณ์ ชี้ภาษีทรัมป์ 19% ฉุดส่งออกชะลอตัว แต่ปีนี้ยังโตกว่า 5%

Manager Online

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • MGR Online

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้อัตราภาษี 19% ที่สินค้าส่งออกไทยถูกเรียกเก็บจากสหรัฐฯ เป็นอัตราใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียนทำให้สินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ ยังคงแข่งขันได้ดี และต้องแสวงโอกาสในการเข้าไปทดแทนสินค้าส่งออกจากประเทศลาว เมียนมา และอินเดียที่ถูกจัดเก็บในอัตราภาษีที่สูงกว่าไทยมาก อย่างไรก็ตามการเร่งนำเข้าสินค้าส่งออกจากไทยในช่วง 5-6 เดือนของปีนี้และอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ตัวเลขส่งออกในช่วงที่เหลือของปีชะลอตัวลงแต่ไม่ติดลบ โดยคาดการณ์ว่าทั้งปีอัตราการขยายตัวของส่งออกไทยจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 5%

ดังนั้นไทยควรทำข้อตกลงการค้าเสรีเพิ่มเติมกับประเทศต่างๆที่เป็นประตู (Gateway) สู่การค้าของภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก และใช้ประโยชน์จากการทำข้อตกลงเอฟทีเอกับเปรูในการเจาะตลาดละตินอเมริกามากขึ้น ไทยสามารถเป็นศูนย์กลางความมั่นคงทางด้านอาหารและสามารถขยายตลาดส่งออกไปยังตะวันออกกลางผ่านข้อตกลงการค้าเสรีที่ไทยทำกับบาห์เรนได้ นอกจากนี้ควรเร่งรัดเจรจาเอฟทีเอกับอียู และแคนาดาเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตลาดส่งออกไทยการขยายขอบเขตข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอที่ไทยทำไว้แล้วกับประเทศต่าง ๆ ให้ครอบคลุมการค้าบริการและภาคการลงทุนเพิ่มขึ้น ก็ควรเป็นยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระหว่างประเทศของไทยด้วย

การเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้าในอัตราใกล้เคียงกันทำให้ภาษีไม่ใช่ตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางการเคลื่อนย้ายการลงทุนของบรรษัทข้ามชาติ ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ความมีเสถียรภาพทางการเมืองและนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่คงเส้นคงวาเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางการลงทุนของต่างชาติ ส่วนอัตราภาษีสวมสิทธิ หรืออัตราภาษีสำหรับสินค้า Transshipment 40% กระทบสินค้าส่งออกจีนหนัก ขณะเดียวกันจะทำให้สินค้า Re-Export ในไทยมีแนวโน้มลดลง โดยผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมีจำกัดเพราะสินค้าเหล่านี้มีผลต่อมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจน้อยมาก อย่างไรก็ตามการเจอกับอัตราภาษีสูงของสินค้าสวมสิทธิ์จากจีน จะทำให้มีการขายสินค้าดังกล่าวมายังตลาดไทยและตลาดภูมิภาคเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตภายในต้องเตรียมรับมือสินค้าถูกจากจีนทะลักอีกระลอกหนี่ง ส่วนการเปิดตลาดให้สหรัฐฯ มีอัตราภาษีนำเข้ามาไทย 0% จำนวนหมื่นรายการนั้นมีผลกระทบจำกัด เพราะส่วนหนึ่งเป็นสินค้าที่ไทยไม่ผลิตหรือผลิตไม่พอ ส่วนที่จะกระทบจะเป็นสินค้าที่เราผลิตแล้วแข่งขันไม่ได้ ซึ่งก็ต้องมีมาตรการในการยกระดับขีดความสามารถแข่งขันเพิ่มขึ้นพร้อมลดต้นทุนการผลิต

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประเมินและคาดการณ์ผลกระทบของความขัดแย้งไทยกัมพูชาต่อตลาดแรงงานและแรงงานกัมพูชาในไทย ซึ่งเป็นแรงงานข้ามชาติกลุ่มใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในภาคเกษตรกรรม ก่อสร้าง อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และบริการ โดยมีจำนวนตัวเลขเป็นทางการเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมาย 5 แสนคน เมื่อรวมกับแรงงานที่ลักลอบเข้าเมืองคาดว่าจะมีรวมกว่า 1-1.2 ล้านคน ซึ่งแรงงานเหล่านี้ไม่เพียงตอบสนองต่ออุปสงค์แรงงานในหลายกิจการในไทย แต่แรงงานเหล่านี้ยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศกัมพูชาที่จะส่งเงินกลับบ้าน (Remittance) คิดเป็นรายได้สำคัญของเศรษฐกิจกัมพูชาราว 40,000-65,000 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นกว่า 6.5% ของ GDP กัมพูชา

ผลกระทบเบื้องต้นต่อตลาดแรงงานจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ทำให้เกิดการอพยพของแรงงานกัมพูชากลับประเทศในช่วง 5 วันของความขัดแย้งรุนแรงในช่วงปลายเดือน ก.ค.68 จากแรงงานที่มีอยู่ประมาณ 400,000 คน โดยเดินทางกลับประเทศ 150,000 คนในวันแรกจากข่าวลือเรื่องความไม่ปลอดภัยภายในไทย ทางการควรมีมาตรการเชิงรุกในการลดการปลุกกระแสความเกลียดชังทางด้านเชื้อชาติและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนไทยและแรงงานกัมพูชา การที่แรงงานหลายแสนคนกลับประเทศในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ไทยประสบภาวะขาดแคลนแรงงานฉับพลันและยังกลายเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจกัมพูชา เนื่องจากแรงงานเหล่านี้ไม่มีงานรองรับในประเทศ ขาดรายได้ และทำให้การส่งเงินกลับประเทศ (remittance) ลดลงทันที ขณะที่มีแรงงานกัมพูชาจำนวนไม่น้อยยังคงอยู่ในไทยต่อไป โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลชายแดน เนื่องจากมีรายได้ที่สูงกว่าทำงานในประเทศตัวเอง มีงานมั่นคงและไม่มีหลักประกันอะไรว่าเมื่อเดินทางกลับประเทศแล้วยังคงมีงานทำ

อย่างไรก็ตาม การหายไปของแรงงานกัมพูชาจำนวนมากในช่วงเวลาอันรวดเร็ว ก่อให้เกิดการขาดแคลนแรงงานแบบฉับพลัน กระทบการผลิตและการดำเนินงานของกิจการให้สะดุดได้ ส่งผลให้กิจกรรมในภาคเกษตร กิจการก่อสร้าง โรงงานแปรูปอาหาร โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนอย่างจันทบุรี ตราด และสุรินทร์ ซึ่งแรงงานกัมพูชาคิดเป็นกว่า 7080% ของแรงงานทั้งหมด ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องชะลอการผลิต หากสถานการณ์ความขัดแย้งยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อการขาดแคลนแรงงาน ทางการควรเพิ่มการนำเข้าแรงงานจากลาวและเมียนมาชดเชย หากประเทศไทยจำเป็นต้องใช้แรงงานจากลาวและพม่าแทนแรงงานกัมพูชาทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ราว 1-1.2 ล้านคน จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านปริมาณแรงงานทดแทนในระยะสั้น เนื่องจากแรงงานจากลาวมีจำนวนจำกัดและเน้นทำงานในภาคบริการ ขณะที่แรงงานพม่าส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในภาคอุตสาหกรรมและชายแดนตะวันตก-ภาคเหนือ

การทดแทนแรงงานกัมพูชาซึ่งเน้นหนักในภาคเกษตรและแปรรูปอาหารในภาคตะวันออกจึงอาจก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานเฉพาะพื้นที่และบางช่วงเวลาได้ โดยเฉพาะในช่วงเก็บเกี่ยว นอกจากนี้การเจรจาโควตาแรงงาน การตรวจคนเข้าเมือง และต้นทุนด้านกฎหมายอาจเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยในภาคการผลิตที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติอย่างมาก การปรับโครงสร้างการผลิตจากการใช้แรงงานเข้มข้น มาใช้เทคโนโลยีและทุนเข้มข้นขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในระยะยาว การลดการพึ่งพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่เป็นสิ่งที่ต้องมีการวางแผนลงทุนเอาไว้ล่วงหน้า

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

ซ้ำเติมผู้ประสบภัยอยู่ในศูนย์อพยพ ตีนแมวย่องเข้าบ้านขโมยเงิน-ของกิน

31 นาทีที่แล้ว

“จตุพร” ชวนเดินงาน IP Fair 2025 เวทีโชว์ศักยภาพทรัพย์สินทางปัญญาไทย ยกย่องสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงเป็นต้นแบบนักสร้างสรรค์ระดับโลก 15-17 ส.ค.นี้ ที่สามย่านมิตรทาวน์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองทัพเรือขอบคุณ ครม.เห็นชอบเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ-ขยายระยะเวลาโครงการ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แจ้งข้อหา 7 ผู้ต้องหา ชักชวนลงทุนอ้างดอกเบี้ยสูงผ่านแอป "Third Credit" เสียหาย 33 ล้านบาท

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

คนไทยยุคใหม่ เกือบ 40% เช่าหวังเงินเหลือ 90% เช่าไม่เกิน 30% เงินเดือน | คุยกับบัญชา | 11 ก.ค. 68

BTimes

THCOM งบ Q2/68 พลิกขาดทุนสุทธิ 207 ล้าน เซ่นเงินบาทแข็งค่า

PostToday

สุริยะ สั่ง รฟท.ทบทวนจัดซื้อรถไฟ 5 หมื่นล้าน หลังไม่ผ่านหน่วยงานกลาง ชี้ข้อมูลไม่ครบ-คุ้มค่าไม่ชัด

MATICHON ONLINE

ส่องคอนเสิร์ตฮอลล์ล้ำยุค เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ระดับโลก

ฐานเศรษฐกิจ

บัญชีม้าคริปโต ภัยร้ายใหม่ในโลกการเงินดิจิทัลที่ทุกคนต้องรู้ | เงินทองของจริง

Ch7HD News - ข่าวช่อง7

“จตุพร” ชวนเดินงาน IP Fair 2025 เวทีโชว์ศักยภาพทรัพย์สินทางปัญญาไทย ยกย่องสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงเป็นต้นแบบนักสร้างสรรค์ระดับโลก 15-17 ส.ค.นี้ ที่สามย่านมิตรทาวน์

Manager Online

MUFG ย้ำไทยยังเป็นตลาดสำคัญ จับมือ กรุงศรี หนุนอุตสาหกรรมไทยปรับโครงสร้างธุรกิจ

การเงินธนาคาร

แจ่ม! TRUE ไตรมาส 2/68 โชว์กำไรสุทธิ 2,031 ล้าน ทำกำไร 2 ไตรมาสติด

PostToday

ข่าวและบทความยอดนิยม

อาร์เธอร์ เฮย์ ปลุกผีตลาดหมี! เตือนบิทคอยน์ อาจร่วงแตะ 100000 ดอลลาร์ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังติดหล่ม

Manager Online

Arkham เปิดสถิติการแฮ็ก BTC ครั้งประวัติศาสตร์ สูญ 127000 เหรียญ มูลค่าเฉียด 15 พันล้านดอลลาร์

Manager Online

ปั่นหุ้น MORE...รอดูใครติดคุกบ้าง / สุนันท์ ศรีจันทรา

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...