หุ้นไทย เดือนสิงหาคม บล.ทิสโก้ “บวกอย่างระมัดระวัง” ฟันด์โฟลว์ไหลกลับ การเมืองฉุด
บล.ทิสโก้ มอง “บวกอย่างระมัดระวัง” หุ้นไทย เดือนส.ค. ปัจจัยหนุนฟันด์โฟลว์ไหลกลับเป้าหมายซื้อหุ้นปันผล ปัจจัยฉุดการเมือง ให้กรอบดัชนี 1,190 -1,270 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ มีมุมมอง “บวกอย่างระมัดระวัง” ต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนส.ค.
โดยในช่วงครึ่งเดือนแรกคาดว่าหุ้นไทยได้อานิสงส์จากแนวโน้มเงินทุนต่างชาติที่เป็นบวก การเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และคาดหวังเงินปันผล
อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งเดือนหลังต้องติดตามปัจจัยการเมืองที่อาจกลับมาสร้างความกังวลใจแก่นักลงทุน
สำหรับการคัดเลือกหุ้นลงทุนในเดือนส.ค. แนะนำหุ้นที่แนวโน้มงบไตรมาส 2/2568 ออกมาดีหรืออย่างน้อยเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และเลือกหุ้นจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล รวมทั้งหุ้นที่ผู้บริหารร่วมงาน Thailand Focus ซึ่งจะสร้างความสนใจให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
+บล.ทิสโก้แนะนำหุ้น AMATA, COM7, GPSC, GULF, KKP, PR9 และ SCB สำหรับด้านแนวรับสำคัญหุ้นไทยอยู่ที่ 1,190 - 1,200 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,270 – 1,300 จุด ตามลำดับ +
สำหรับรายละเอียดที่ทำให้บล.ทิสโก้มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้นนั้น เนื่องจากภาพรวมกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร และหุ้น Real Sector ขนาดใหญ่บางตัวที่รายงานออกงบมาแล้ว อาทิ SCGP, SCC และ BH เป็นต้น ส่วนใหญ่มีกำไรดีกว่าคาด น่าจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อเก็งผลประกอบการในระยะสั้น
นอกจากนี้ทิศทางการลงทุนของต่างชาติในเดือน ก.ค.พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ถือเป็นสัญญาณที่ดี
บล.ทิสโก้มองทิศทางการลงทุนของต่างชาติยังมีแนวโน้มเป็นบวกในระยะสั้นจาก 3 เรื่อง
1. หุ้นไทยปีนี้ยังให้ผลตอบแทนติดลบกว่า -11% ถือว่ายัง Laggard หุ้นโลกมากที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่การประเมินมูลค่ายังต่ำกว่าหุ้นโลกมาก โดย Fwd. PER (พีอีล่วงหน้า)ปี 2568 ตลาดหุ้น พัฒนาแล้ว (DM)ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 19 เท่า เทียบกับตลาดหุ้นไทยที่มีพีอี 13 เท่า มีส่วนต่าง (Valuation Gap) สูงถึง 6 เท่า ซึ่งมากกว่า +2SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีตที่อยู่ที่ 1.6 เท่า
2.การถือครองหุ้นไทยของต่างชาติยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ปัจจุบันถือครองอยู่ที่ 19.8% ของจำนวนทุนจดทะเบียน เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 20.2% จากการประเมินของบล.ทิสโก้ หากต่างชาติถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น หรือลดลง ทุก ๆ 0.1 % จะคิดเป็นเม็ดเงินราว 1.5 หมื่นล้านบาท
3.หุ้นไทยพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงเดือนที่ผ่านมา +14% vs MSCI World Index +2% เพิ่มโอกาสที่ MSCI และ FTSE จะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยในการทบทวนรอบเดือนส.ค.ซึ่งจะมีการประกาศในวันที่ 7 ส.ค.และวันที่ 22 ส.ค.ตามลำดับ ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินจากกองทุนต่างประเทศไหลกลับมา ผสานกับข้อมูลเชิงสถิติ 5 ปี และ 10 ปีบ่งชี้เดือนส.ค.ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นอยู่ในระดับสูงที่ 80% และ 70% โดยจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกที่ +2.8% และ +1.2% ตามลำดับ ซึ่งเป็นเดือนที่มีโอกาสในการปรับตัวขึ้นและให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่น ๆ
ส่วนคดีความทางการเมืองที่คาดว่าจะทยอยตัดสินในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าที่อาจสร้างความโดยเฉพาะคดีสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ยื่นถอดถอนนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร โดยหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติคล้ายกรณีอดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ในช่วงกลางปีที่แล้ว จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนายกฯ และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ต้องเสียเวลาอย่างน้อย 1 เดือนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ