“กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ” เช่าที่ดิน 99 ปี สะดุด! ไม่ทันสภาฯ สมัยนี้
การผลักดันแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ.2562 ของกระทรวงมหาดไทย ตามนโยบายรัฐบาลสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร เพื่อขยายเวลาเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปีครอบคลุมถึงโฉนดที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและห้องชุด ซึ่งช่วยให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัย
ที่รัฐบาลมีหมุดหมายใช้นำร่องกับโครงการบ้านเพื่อคนไทยบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) รวมถึงที่ดินรัฐทั่วประเทศ อย่างที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ซึ่งจะต่างจากการเช่าทั่วไป เนื่องจากมีศักดิ์และสิทธิการถือครองเทียบเท่าโฉนดที่ดินสามารถใช้สิทธิโอนและตราเป็นประกันการชำระหนี้โดยการจำนองได้
นอกจากช่วยให้ผู้อยู่อาศัยเชื่อมั่นและมีความมั่นคงแล้ว ยังเป็นกฎหมาย ที่เข้ามาพลิกโฉมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ครั้งสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ที่ดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเช่าที่ดินได้ระยะยาว
ที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันก่อนหน้านี้ว่าประเทศไทยมีดินกว่า 300 ล้านไร่ หรือ5.4 แสนตารางกิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร 67 ล้านคน ถือว่ามีพื้นที่เหลือรอพัฒนาค่อนข้างมาก
แต่เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีศักดิ์เป็น พ.ร.บ. จึงมีขั้นตอนขบวนการค่อนข้างมาก กว่าจะผลักดันออกมาเป็นกฎหมายฉบับใหม่ ต้องใช้เวลา และประเมินว่าไม่ทันนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยนี้
ท่ามกลางการเร่งรัดของรัฐบาลและดร.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องการสนับสนุนโครงการที่อยู่อาศัยตามนโยบายรัฐบาลและนักลงทุนโดยเร็วที่สุด ต่อเรื่องนี้
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ปรึกษาวิปรัฐบาล เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิให้มีระยะเวลา 99 ปี ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลรายละเอียดของร่างกฎหมาย
ทั้งนี้ตามขั้นตอนหากร่างกฎหมายดังกล่าวปรับปรุงข้อมูลแล้วเสร็จ กระทรวงมหาดไทยจะต้องส่งร่างกฎหมายฯให้คณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพ.ร.บ.เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล (ครน.) พิจารณา
จากนั้นครน.จะสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะก่อนส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ
หาก ครม. ให้ความเห็นชอบแล้ว ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะส่งร่างกฎหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นางมนพร กล่าวต่อว่า จากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันและระยะเวลาที่เหลือเพียงประมาณ 1 เดือนครึ่งของสมัยประชุมนี้ คาดว่าร่างกฎหมายนี้จะไม่ทันเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในสมัยประชุมนี้ และอาจต้องรอการพิจารณาในสมัยประชุมหน้า
“ส่วนร่างกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์ให้มีระยะเวลา 99 ปี จะสามารถผลักดันประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ภายในปีนี้หรือไม่ รวมถึงข้อดีและข้อเสียของร่างกฎหมายฯนั้น เรื่องนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าวหรือมีข้อกังวลอะไรที่มีความละเอียดอ่อนส่งผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่ ซึ่งจะทราบได้ต่อเมื่อร่างกฎหมายนี้ถูกส่งมาที่คนร.พิจารณา” นางมนพร กล่าว
นอกจากนี้ในส่วนของสถานการณ์การเมืองปัจจุบันจะกระทบต่อร่างกฎหมายที่เร่งผลักดันเข้าการประชุมของสภาฯหรือไม่นั้น
การพิจารณากฎหมายในสภาฯ เป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ในการออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
โดยไม่แบ่งแยกฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ซึ่งเราจะเห็นได้จากการผ่านความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ปกครองท้องที่ฯ,พ.ร.บ.กฎหมายอาญาฯ และพ.ร.บ.อื่นๆอีกหลายฉบับที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาฯเช่นกัน
แหล่งข่าวจากกรมที่ดิน ระบุว่า กล่าวว่า กรมที่ดินสนับสนุน กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์ อยู่ระหว่างแก้ไขเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงตอบโจทย์กับธุรกิจให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้น
“กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิถือเป็นกฎหมาย “ทางเลือก” ทำให้ผู้เช่าเป็นเสมือนเจ้าของทรัพย์ เป็นครุฑสีฟ้า ต่างจากโฉนดที่ดินเป็นครุฑสีแดง”
อย่างไรก็ตามกฎหมายที่อยู่ระหว่างปรับปรุง เพื่อให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมี4 กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย
ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน พ.ร.บ.ว่าด้วยอาคารชุดและ พ.ร.บ.เกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิ
ด้านนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยกล่าวว่า การขยายการเช่าให้มีระยะยาวขึ้นตามกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ นั้นเป็นเรื่องที่ดีแต่มองว่ายังมีความล่าช้า
และเชื่อว่ามีประโยชน์ในระยะยาวมากกว่าสำหรับนักลงทุน หากเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ในขณะระยะเวลาการเช่าอยู่ที่50ถึง60ปีน่าจะเพียงพอแล้ว
สอดคล้องกับ นายวิชัย วิรัตกพันธ์ อีตกผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลกรณีขยายระยะเวลาการเช่าที่ดินตามกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิออกไปให้ยาวขึ้นแต่มองว่า ไม่เกิน60ปีจะเหมาะสมมากกว่า
แต่เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก นักลงทุนต่างชาติ หนีหาย นักท่องเที่ยวเข้าไทยลดลงดังนั้น จึงยังไม่ใช่เวลาที่จะเร่งรีบรัดผลักดันแก้ไขกฎหมายดังกล่าวออกมา