“นกแอร์”เปิด 2 บริการใหม่”ดูซีรีย์ ซื้อของ”บนเครื่องบิน เพิ่มรายได้ ฟื้นเส้นทางอินเดีย-เวียดนาม เป้าออกจากแผนฟื้นฟูใน 2 ปี
“นกแอร์”ครบรอบ 21 ปีเปิด 2 บริการใหม่ Nok IFE “ดูซีรีย์ ซื้อของ”บนเครื่องบินผ่านแพลตฟอร์มสร้างรายได้เพิ่มหลังมีกำไรแล้ว 2 ปี จ่อฟื้นเส้นทางระหว่างประเทศ เจาะตลาดอินเดีย เวียดนาม เปิดใหม่ “บาหลี”ขยายฝูงบินปีละ4 ลำ เคลียร์หนี้ 400 ล้านคาดพ้นฟื้นฟูใน 2 ปี
นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 21 ปีของการดำเนินธุรกิจสายการบินนกแอร์ ขนส่งผู้โดยสารไปแล้ว 70 ล้านคน ตอกย้ำจุดยืนความเป็น “สายการบินของคนไทย” ด้วยผลงานที่เติบโตทั้งในแง่การฟื้นตัวหลังวิกฤต ความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และการขยายบริการใหม่ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลของผู้บริโภค โดยมีการ เปิดตัว 2 บริการใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับทุกการเดินทาง ได้แก่ Nok Air Inflight Entertainment (IFE) บริการด้านความบันเทิงบนเครื่องบินที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาสาระและความบันเทิงระหว่างการเดินทางได้ผ่านอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวของตนเอง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จากการจับมือกับพาร์ทเนอร์แพลตฟอร์มดูซีรีส์ยอดนิยมอย่าง Viu (วิว) และผู้ให้บริการคอนเทนต์อื่นๆ รวมถึงเนื้อหาจากสายการบินนกแอร์เอง
นอกจากนี้ จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ กลุ่มโอทอป หอการค้าแต่ละจังหวัด โดยคัดสรรของดี 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก นำมาเสนอขายบนเครื่องบินผ่าน Nok Air Inflight Entertainment รวมถึงสินค้า OUTLETE แบรนด์เนมด้วย จะรวมอยู่ในแพลตฟอร์มนี้ และจะพัฒนารวมมือกับพาร์ทเนอร์ไปถึงการจัดส่งให้ถึงบ้าน กรุงเทพภายใน 3 วัน ต่างจังหวัดไม่เกิน 7 วัน ซึ่งเหล่านี้จะเป็นการเพิ่มรายได้ ซึ่งจะเริ่มในเดือนสิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังเปิดตัวบริการ Nok Deal แพลตฟอร์มสิทธิพิเศษใหม่สำหรับสมาชิก Nok Fan Club ที่มีจำนวน 1 ล้านคนและ Active ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย กระจายทั่วประเทศ เป็นกลุ่มที่เดินทางด้วยเครื่องบินเป็นประจำทั้งท่องเที่ยว ทำธุรกิจและกลับภูมิลำเนา ซึ่งมีฐานข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางที่นำมาต่อยอดด้านบริการได้ เพื่อสร้าง Brand Loyalty ด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการพิเศษ, ส่วนลดบัตรโดยสารจากนกแอร์ สิทธิประโยชน์จากพันธมิตรทั่วประเทศ, บัตรคอนเสิร์ต และอีกมากมาย ที่ผู้โดยสารสามารถแลกผ่าน Nok Deal ได้โดยตรง
นายวุฒิภูมิ กล่าวว่า ที่ผ่านมานกแอร์ต้องเผชิญกับวิกฤตมากมาย ตั้งแต่ราคาน้ำมัน ปัญหาเศรษฐกิจผันผวน ไปจนถึงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประสบกับการขาดทุนต่อเนื่องยาวนานกว่า 9 ปี แต่ช่วง 2 ปีล่าสุด การดำเนินงานมีกำไรติดต่อกัน โดยในปี พ.ศ. 2566 มีกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท และ พ.ศ. 2567 มีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมที่ 7,000 ล้านบาท หรือประมาณ 500-600 ล้านบาทต่อเดือน มีผู้โดยสารรวมประมาณ 4 ล้านคน ขณะที่ Cabin Factor เฉลี่ยอยู่ที่ 80% โดยตั้งเป้าปี 2568 มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยถึงเดือนก.ค. 68 มีรายได้ ประมาณ 4,000 ล้านบาทแล้ว โดยหวังว่า ช่วงครึ่งปีหลัง เครื่องบินที่ซ่อมจะทยอยกลับเข้ามาและเปิดเส้นทางระหว่างประเทศ จะเพิ่ม Capacity ประมาณ 30% จะทำให้มีรายได้เพิ่ม และจากแผนการเพิ่มเครื่องบิน 4 ลำทุกปี จะเพิ่ม Capacity ประมาณ 10-15% ทุกปี
นายวุฒิภูมิ กล่าวถึงการออกจากแผนฟื้นฟูของนกแอร์ว่าหลักการคือ ชำระหนี้ได้ตามแผน ซึ่งขณะนี้เจ้าหนี้ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นเหลืออยู่ประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าออกจากแผนฟื้นฟู เดือนก.ย. ปี 71 ซึ่งประเมินจากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดเส้นทางระหว่างประเทศ คาดว่าจะชำระหนี้ได้ใน 2 ปี
นายปกรณ์ รัตนรอด ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์เชิงพาณิชย์ สายการบินนกแอร์กล่าวว่า ช่วงตารางบินฤดูหนาว (Winter Schedule ) เริ่มตั้งแต่ 26 ต.ค.68 เป็นต้นไป นกแอร์ มีแผนจะกลับไปทำการบินในเส้นทางระหว่างประเทศที่เคยทำการบินและหยุดบินไปเมื่อปลายปี 67 และเม.ย. 68 ที่ผ่านมา เริ่มจาก อินเดีย ใน 3 เมืองหลัก ( ไฮเดอราบัด,มุมไบ, นิวเดลี ) เวียดนาม (ไซ่ง่อน ,ดานัง/ฮานอย ) จีน (หนานหนิง , เจิ้งโจว ) และเปิดเส้นทางทางใหม่ บาหลี (อินโดนีเซีย) และมะนิลา(ฟิลิปินส์)
ปัจจุบัน “นกแอร์” ให้บริการมากกว่า 100 เที่ยวบินต่อวัน ครอบคลุมกว่า 15 เส้นทางบินภายในประเทศ โดยเครือข่ายการบินของนกแอร์ปัจจุบัน ทำการบินในประเทศ 100% การเปิดเส้นทางระหว่างประเทศในอีก 3-4 ปี จะปรับสัดส่วน เส้นทางในประเทศเป็น 40% ระหว่างประเทศ 60%
ขณะที่ปัจจุบันมีเครื่องบินจำนวน 14 ลำ แต่ใช้งานได้ 8 ลำ ที่เหลืออยู่ในศูนย์ซ่อมบำรุงซึ่งคาดหมายว่าจะสิ้นปี 68 จะมีเครื่องบินให้บริการได้ 11 ลำ โดยจะรวมที่เช่าเพิ่มจำนวน 2 ลำ ซึ่งทุกตารางบินฤดูหนาว จะมีเครื่องบินเพิ่ม 4 ลำ ภายใน 5 -6 ปี คาดจะมีฝูงบินประมาณ 20-30 ลำ และมีการหารือกับ โบอิ้ง จัดหาเครื่องบินแบบ Boeing 737-800 และเครื่องบินรุ่นใหม่เพื่อเสริมศักยภาพฝูงบินอีกด้วย
“ยอมรับว่า นักท่องเที่ยวจีน ยังไม่กลับมา ซึ่งทุกสายการบินปรับลดเที่ยวบินไปจีนลง ทำให้นกแอร์ มุ่งไปที่เส้นทางอินเดียก่อน เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพและ เติบโต รวมถึง เวียดนามและอินโดนีเซีย โดยจะใช้จุดแข็งของนกแอร์เรื่องราคา ที่รวมทุกบริการทั้งน้ำหนักกระเป๋า อาหาร ต่างจาก โลว์คอสต์แอร์ไลน์ “
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO