โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [23-27 มิ.ย. 2568]

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

สืบเนื่องมาจากสัปดาห์ที่แล้ว จากกรณีคลิปเสียงผู้นำไทย-กัมพูชาถูกปล่อยออกมา จนถึงตอนนี้อารมณ์ของสังคมยังคงลอยค้างอยู่ในไฟชาตินิยมที่ลุกโชนยิ่งกว่าเก่า ท่ามกลางความคุกรุ่นของการเมืองระหว่างประเทศ มีตัวละครสำคัญอย่าง ‘เคลียง ฮวด’ ล่ามคนสำคัญของฮุน เซน ที่มีความเกี่ยวข้องกับการปราบปรามผู้เห็นต่างกับรัฐบาลกัมพูชาในประเทศไทย

ทั้งยังเกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยที่ถูกบังคับสูญหายที่กัมพูชาอย่าง ‘วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ นี่จึงเป็นชนวนเหตุหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวของวันเฉลิมเดินหน้ายื่นหลักฐานสำคัญ หวังจะคลี่คลายหรือเบาะแสในคดีบ้าง

เช่นเดียวกันกับสัปดาห์อื่นๆ หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในสังคม ทั้งการถูกตัดสินจำคุกเพิ่ม (อีกครั้ง) ของอานนท์ นำภา ทั้งข้อถกเถียงต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการตั้งคำถามต่อเนื่องในสังคมตลอดสัปดาห์

ในความตึงเครียดของพายุข่าวสาร ยังมีหัวข้อสนทนาหนึ่งที่สร้างรอยยิ้มให้กับหลายคนอย่างการเจอกันแบบไม่มีใครคาดคิดของ เอก HeartRocker, ไมค์ Sir.Mikey, กิต EVAGAMER และ เบิร์ด BIRDBORNE ที่รวมตัวในโปรเจกต์ EXP149 เดบิวต์เพลง ‘เป้าหมายคือความไม่สำเร็จ’ ร่วมกับปั๊บ วง POTATO

ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่หลายเรื่องอาจเลือนหายไปตามจังหวะข่าว เราจึงรวบรวมเรื่องน่าสนใจ เก็บตกสิ่งที่อาจหายไประหว่างทางมาทบทวนอีกครั้ง

‘อานนท์’ และ ‘ฮิวโก้’ โดนสั่งจำคุกในคดีปราศรัยม็อบ 5 แยกลาดพร้าว

24 ปี 33 เดือน 20 วัน คือระยะเวลารวมโทษจำคุกของ อานนท์ นำภา หลังศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีมาตรา 112 มาตรา 116 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีปราศรัยในการชุมนุม ‘#2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว’ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 ให้จำคุกอานนท์เพิ่มอีก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ส่วน ฮิวโก้-จิรฐิตา (สงวนนามสกุล) บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และนักกิจกรรมทางการเมือง ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ในข้อหามาตรา 112 จากการชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าวเช่นกัน แต่ลดโทษเหลือ 2 ปี โดยให้รอลงอาญา 3 ปี พร้อมคุมประพฤติ 2 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ 36 ชั่วโมง

ศูนย์ทนายฯ ระบุเพิ่มว่าศาลยกฟ้องในคดี พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ เนื่องจากขณะนั้นมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และยกฟ้อง พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ เพราะประกาศหมดอายุลงก่อนเกิดเหตุการณ์ นอกจากนี้ยังยกฟ้องข้อหาขัดขวางการจราจร และข้อหามั่วสุม โดยศาลเห็นว่าการชุมนุมเป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ และไม่ปรากฏเจตนาสร้างความวุ่นวาย

สำหรับคดีตามมาตรา 112 ศาลเห็นว่าคำปราศรัยของทั้งสองคนมีลักษณะหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ส่วนข้อหายุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ศาลยกฟ้อง เนื่องจากไม่พบเจตนาสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความไม่สงบ

‘สิตานันท์’ ยื่นหลักฐาน ‘ฮวด’ ล่ามคนสำคัญของฮุน เซน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไล่ล่าผู้เห็นต่างในไทย

25 มิถุนายน 2568 สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์ พี่สาวของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมชาวไทยที่ถูกบังคับสูญหายในประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2563 พร้อมทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้เดินทางเข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเคลียง ฮวด ล่ามคนสำคัญของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายคดีการหายตัวไปของวันเฉลิม

หลักฐานสำคัญที่ยื่นให้กับอัยการประกอบด้วย คลิปเสียงจากสำนักข่าว Al Jazeera ที่ระบุถึงความเกี่ยวข้องของเคลียง ฮวด กับการปราบปรามผู้เห็นต่างจากรัฐบาลกัมพูชาในประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นเบาะแสสำคัญในการระบุตัวผู้บงการและผู้มีส่วนร่วมในการอุ้มหายนักกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นวันเฉลิมและเคลียง ฮวด ถ่ายคู่กันขณะอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งยืนยันความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างบุคคลทั้งสอง

แม้จะไม่มีตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุดลงมารับเอกสารโดยตรง แต่ได้มีการยื่นหลักฐานผ่านกองงานรับเรื่อง โดยพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เน้นย้ำว่ารัฐบาลไทยมีหน้าที่รับผิดชอบต่อคดีนี้ เนื่องจากวันเฉลิมเป็นคนไทย ทั้งยังได้วิพากษ์วิจารณ์ที่รัฐไทยไม่ดำเนินการใดๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แม้จะมี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 และการลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศก็ตาม

สิตานันท์ ยังได้กล่าวถึงคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร และฮุน เซน ที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสองรัฐบาล โดยมีเคลียง ฮวด เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย

ด้านประกายดาว พฤกษาเกษมสุข ผู้ใกล้ชิดวันเฉลิมก็ยืนยันว่าเคลียง ฮวด มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวไทยในกัมพูชาหลังรัฐประหารปี 2557 รวมถึงวันเฉลิมด้วยเช่นกัน จึงขอเรียกร้องให้เคลียง ฮวด ออกมาให้ข้อเท็จจริง

พรเพ็ญ เสริมต่อว่า นอกจากกรณีของวันเฉลิมแล้ว ยังมีผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาอีกหลายคนที่ถูกทางการไทยส่งตัวกลับ ซึ่งถือเป็นการ ‘ปราบปรามข้ามชาติ’ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลในการไล่ล่าผู้เห็นต่าง หลักฐานที่ยื่นในวันนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐไทยควรพิจารณาเพื่อยับยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เธอยังได้เน้นย้ำถึงประเด็นสัญชาติไทยและที่พักในประเทศไทยของเคลียง ฮวด ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐไทยในการติดตามสืบสวนเพื่อนำตัวมาเป็นพยานในคดีวันเฉลิม และหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็อาจจำเป็นต้องมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับต่อไป พรเพ็ญทิ้งท้ายว่า “การที่รัฐไทยให้ความร่วมมือโดยการไม่รู้ไม่เห็น นิ่งเฉย เป็นอันตรายต่อทุกคน รวมทั้งพวกเราด้วย”

ประกันสังคมเพิ่มสิทธิยุติการตั้งครรภ์ฟรี

สำนักงานประกันสังคมประกาศให้ผู้ประกันตนหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม สามารถเข้ารับบริการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยในสถานพยาบาลตามสิทธิ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใต้หลักเกณฑ์ของแพทยสภา ตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับแก้ไข พ.ศ. 2564) ถือเป็นสิทธิประโยชน์ในกรณีเจ็บป่วยที่ได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันสังคม

หากสถานพยาบาลตามสิทธิไม่สามารถให้บริการได้ สามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลศักยภาพสูง หรือสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับกรมอนามัยได้ โดยสถานพยาบาลตามสิทธิเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

สำหรับผู้ประกันตนที่ไม่มีสัญชาติไทย สามารถใช้สิทธิผ่านสถานพยาบาลตามระบบประกันสังคมเช่นกัน และหากจำเป็นต้องส่งต่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกัน

ทั้งนี้ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 305 (ฉบับที่ 28 พ.ศ. 2564) การยุติการตั้งครรภ์ที่ดำเนินการโดยแพทย์ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภา ไม่ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย โดยมีเงื่อนไขหลักดังนี้:

  • หญิงตั้งครรภ์มีภาวะเสี่ยงทางร่างกายหรือจิตใจ หากตั้งครรภ์ต่อไป

  • ทารกมีแนวโน้มพิการอย่างร้ายแรง หากคลอด

  • ตั้งครรภ์จากเหตุล่วงละเมิดทางเพศ และหญิงยืนยันต่อแพทย์

  • อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ และหญิงยืนยันต้องการยุติการตั้งครรภ์

  • อายุครรภ์ 12–20 สัปดาห์ โดยหญิงยืนยันต้องการยุติการตั้งครรภ์หลังได้รับการตรวจและคำปรึกษาจากแพทย์ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภา

ข้อถกเถียงเรื่องฉลาก อย. จากขนมของหลิงหลิง คอง

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในอาหารมากขึ้น ดราม่าขนมแบรนด์ Kwong Pastry ของ หลิงหลิง คอง นักแสดงชื่อดัง จึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงเพราะราคา หรือชื่อเสียงของเจ้าของแบรนด์เท่านั้น แต่เพราะคำถามสำคัญที่เป็นที่ถกเถียงกันตลอดสัปดาห์ว่า ‘มี อย. หรือไม่’

Kwong Pastry เปิดตัวขนม Egg Rolls แบบพรีออเดอร์ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มแฟนคลับ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากลูกค้าบางรายที่ติดปัญหากับระบบบริการหลังบ้าน กรณีที่เป็นประเด็นล่าสุดคือปัญหาเรื่องการจัดส่งและการตอบกลับข้อความที่ล่าช้าของแอดมินร้าน ลูกค้ารายนี้จึงได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพลงบนแพลตฟอร์ม X ชาวเน็ตหลายคนเมื่อเห็นภาพจึงได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องการระบุรายละเอียดต่างๆ บนบรรจุภัณฑ์ที่ไม่มีภาษาไทย ซ้ำร้ายไม่มีเลขทะเบียน อย. แม้ขนมจะถูกโปรโมทว่าผลิตและขายในประเทศไทยก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เกิดกระแสความไม่ไว้วางใจว่าสินค้าชนิดนี้ผ่านกระบวนการตรวจสอบตามกฎหมายหรือไม่

ตามกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ระบุว่า หากสินค้าผลิตในประเทศเพื่อจำหน่ายจะต้องมีฉลากภาษาไทย ระบุส่วนประกอบ วันหมดอายุ ผู้ผลิต และเลข อย. อย่างชัดเจน การที่สินค้าของ Kwong Pastry ไม่มีข้อมูลเหล่านี้ทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามว่า “นี่เป็นเพราะยังไม่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือเพียงละเลยการติดฉลากเท่านั้น”

ทางแบรนด์จึงได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ขนมทุกกล่องผลิตจากประเทศไทย ผลิตในสถานที่ที่ได้มาตรฐาน และ ‘ได้ดำเนินการด้านเอกสารและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว’ แถลงการณ์นี้จึงทำให้ถูกวิจารณ์จากผู้บริโภคอีกในทำนองว่า

“ทำไมจึงผลิตออกมาโดยไม่ขอ อย. ก่อน”

“แถลงการณ์นี้แปลว่ายื่นขอ อย. หลังจากเรากินไปแล้วเหรอคะ”

เนื่องจากทางแบรนด์ไม่ได้คลายความสงสัยให้กับผู้บริโภคเรื่องเลข อย. เพียงแค่ชี้แจงเรื่องการจัดการระบบหลังบ้านเท่านั้น รวมถึงในแถลงการณ์ฉบับล่าสุดก็สื่อสารเพียงเรื่องการคืนเงินให้กับลูกค้าที่สั่งสินค้าไปแล้ว ประเด็นเรื่อง อย. จึงยังไม่ถูกชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาแต่อย่างใด

รัฐบาลเตรียมนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดภายใน 45 วัน

นับตั้งแต่การปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 จากการผลักดันของพรรคภูมิใจไทย ทำให้กัญชาเข้าถึงง่ายมากขึ้น แต่ขาดการควบคุมดูแลเนื่องจากยังไม่มีระเบียบที่ชัดเจน จึงมีการผลักดันให้สภาฯ ออก พ.ร.บ. ควบคุมกัญชามาโดยตลอด แต่เรื่องนี้กลับไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ขณะที่ความเห็นอีกด้านหนึ่งมองว่าควรนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดและใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์เท่านั้น

จนกระทั่งวันที่ 18 มิถุนายน 2568 หลังจากพรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยอ้างประเด็นคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ประเด็นข้อพิพาทชายแดน

ต่อมาเพียง 5 วัน ในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2568 ปรับปรุงจากประกาศฉบับเก่าปี 2565 โดยฉบับนี้มีสาระสำคัญ คือการกำหนดให้กัญชาเฉพาะส่วนของช่อดอกเป็นสมุนไพรควบคุม

และมีการเงื่อนไขบังคับว่าในการซื้อ-ขายกัญชาต้องมีใบสั่งจ่ายจากแพทย์ แพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน หมอพื้นบ้านตามกฎหมาย เภสัชกรและทันตแพทย์ (ขายได้ในปริมาณที่ใช้ไม่เกิน 30 วัน) และกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดสำหรับผู้ประกอบการ และผู้ศึกษาวิจัยว่าต้องขอใบอนุญาต จัดทำและรายงานแหล่งที่มา การใช้งานและปริมาณที่เก็บไว้ต่อนายทะเบียน ส่งออกต้องแจ้งรายละเอียดเป็นรายครั้ง จำหน่ายหรือแปรรูปให้เฉพาะกับผู้มีใบอนุญาตตามกำหนด

แหล่งปลูกต้องผ่านมาตรฐานรับรองโดยกรมแพทย์แผนไทย ห้ามขายเพื่อสูบในร้าน เว้นแต่แพทย์ใช้เพื่อรักษาผู้ป่วย ห้ามขายในตู้อัตโนมัติและออนไลน์ ห้ามโฆษณาเพื่อการค้า และห้ามขายในวัด สถานที่ทางศาสนา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก

สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จะมีการออกกฎกระทรวงสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่อยากขอหรือต่ออายุใบอนุญาตจะต้องมีแพทย์ประจำร้าน และจะมีการรื้อกฎหมายนำกัญชาไปเป็นยาเสพติดใน 45 วัน

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงจุดยืนของรัฐบาลต่อเรื่องกัญชาว่า การดำเนินการเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว จึงเร่งทำเพื่อกำหนดให้ใช้พืชกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น

ประกาศฉบับนี้มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยโดยมองว่าจะควบคุมการใช้กัญชาให้ตรงจุดประสงค์ทางการแพทย์มากขึ้น หลังที่ผ่านมามีการอาศัยช่องโหว่ใช้เพื่อสันทนาการ ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ฟาร์มกัญชา ผู้ใช้กัญชาที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งคนบางส่วนมองว่านี่เป็นเกมทางการเมืองระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทยด้วย เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยกำลังจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ สะท้อนให้เห็นการเมืองที่คำนึงถึงผลประโยชน์มากกว่า

นอกจากนี้การออกประกาศฉบับใหม่อย่างกะทันหันเช่นนี้ ผู้ประกอบการจะต้องไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกฎระเบียบใหม่ ทำให้ต้องใช้เวลาและมีต้นทุนเพิ่มขึ้น อีกทั้งเมื่อกัญชาเข้าถึงได้ยากขึ้นก็เป็นการผลักบางส่วนกลับสู่ใต้ดิน เกิดการลอบขายในตลาดมืดในราคาสูง รวมถึงอาจมีการค้าขายใบสั่งจ่ายยาหรือใบรับรองแพทย์ด้วย

สถานทูตออสเตรเลียประกาศเตือนภัย มีความเสี่ยงก่อการร้ายและความไม่สงบในประเทศไทย

สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้ออกประกาศเตือนพลเมืองออสเตรเลีย ให้เพิ่มความระมัดระวังขณะเดินทางหรือพำนักในประเทศไทย โดยระบุว่ามี ‘ความเสี่ยงต่อการก่อการร้าย’ อย่างต่อเนื่อง ที่อาจมุ่งเป้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม รวมถึงกรุงเทพมหานคร และภูเก็ต เนื่องจากที่ภูเก็ตค้นพบระเบิด แม้จะถูกเก็บกู้ได้เรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังสร้างความกังวลให้กับคนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวที่มีแผนเดินทางไปยังภูเก็ตอย่างมาก

ในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ Smartraveller ซึ่งเป็นช่องทางแจ้งเตือนความปลอดภัยของรัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า สถานที่ท่องเที่ยวไทยอาจตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้าย โดยแนะนำให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดและเฝ้าระวังสิ่งผิดปกติรอบตัวอยู่เสมอ

นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนเรื่องการชุมนุมประท้วงในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรง จึงแนะนำให้ชาวออสเตรเลียหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมการชุมนุมและสถานที่ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก

ในประกาศยังระบุถึงข้อจำกัดด้านกฎหมายไทย โดยเฉพาะเรื่องการใช้กัญชา ซึ่งเน้นย้ำว่าอนุญาตเฉพาะวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น โดยต้องมีใบรับรองแพทย์หรือเอกสารอื่นๆ ที่ออกโดยแพทย์เท่านั้น

ราชการไทย: อายุน้อย 100 apps

ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส. เขตกรุงเทพฯ (จตุจักร-บางเขน-หลักสี่) พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ภาพพร้อมข้อความบนทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กระบุว่า “ราชการไทย: อายุน้อย 100 apps” โดยยกตัวอย่างแอปของกรมขนส่งทางบกที่มีแอปมากถึง 15 แอป นำไปสู่คำถามว่างบประมาณที่ใช้ผลิตแอปเหล่านี้ใช้ไปเท่าไหร่ และมีบางแอปที่หลายคนไม่เคยได้ใช้

นอกจากนี้ยังมีแอปของกระทรวงสาธารณสุขมากถึง 34 แอปและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมีมากถึง 40 แอป โดย สส. ศุภณัฐจะทำหนังสือยื่นต่อรัฐบาลเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป

เอก HRK สตรีมเมอร์ชื่อดังร่วมกับ EXP149 เดบิวต์เพลง ‘เป้าหมายคือความไม่สำเร็จ’ feat. ปั๊บ วง POTATO

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 เอก HeartRocker, ไมค์ Sir.Mikey, กิต EVAGAMER และ เบิร์ด BIRDBORNE รวมตัวในโปรเจกต์ EXP149 เดบิวต์เพลง ‘เป้าหมายคือความไม่สำเร็จ’ ร่วมกับปั๊บ วง POTATO กวาดยอดผู้เข้าชมใน Youtube ไปได้ถึง 746,437 วิว (ข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน 2568)

ด้วยคอนเซ็ปต์ชัดเจนที่สื่อถึงการยอมรับความไม่สำเร็จและต่อให้เราไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร นอกจากนี้ยังมีท่อนร้องติดหูมากมายเช่น “หากทำวันนี้ให้ดีที่สุด เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีอะไรทำ แล้วจะทำไง” “ไม่เป็นไร เป้าหมายอยู่ไหน ค่อยเป็นค่อยไป” หรือท่อนร้องของปั๊บ วง POTATO ที่ร้องเพียง “ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บ” ที่แฝงไปด้วยความขี้เล่นกวนๆ ตามสไตล์แก๊งนี้

ทั้งยังได้โปรดิวเซอร์เพลงมากฝีมืออย่าง MillieSnow หรือ มิลลี่ - ศิริชฎา ศิริอัจฉริยกุล จากค่าย MILK.bkk เข้ามาร่วมทำเพลงครั้งนี้ด้วย

อ้างอิง: crcfthailand.org, tlhr2014.com, policywatch.thaipbs.or.th, smartraveller.gov.au, sanook.com

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

“ยิ่งเรารักชาติเท่าไร บางครั้งเราก็รังเกียจชาติอื่นมากขึ้นเท่านั้น” ‘เรื่องเล่าแห่งชาติ’ ถ้อยคำในประวัติศาสตร์ ว่าด้วยชาตินิยม พรมแดน และกองทัพ กับ ผศ.ธิบดี บัวคำศรี

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ชาร์มห้อยกระเป๋า’ เทรนด์ประดับกระเป๋าด้วยของกุ๊กกิ๊กแสดงออกถึงตัวตนของเราได้ยังไง?

14 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [23-27 มิ.ย. 2568]

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

Spotlight: ประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ [16-20 มิ.ย. 2568]

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

“เราไม่ได้เห็นด้วยกับผู้นำเหมือนกันทุกคน” เสียงจากแรงงานข้ามชาติกัมพูชา ในวันที่สงครามชาตินิยมเกิดขึ้นข้ามพรมแดน

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส
ดูเพิ่ม