หรือ 'เจนเซน หวง' กำลังเล่นบทนักการทูตเชื่อม 'จีน-สหรัฐ' แทน 'ทิม คุก' ?
บทวิเคราะห์ "Mover over, Tim Cook. Jensen Huang is America Inc's new China envoy" ของดิอีโคโนมิสต์ ฉบับวันที่ 17 ก.ค.68 เขียนไว้ว่า เจนเซน หวง หัวเรือใหญ่ของ Nvidia กำลังเล่นบทบาทเป็นทูตเทคโนโลยีคนใหม่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน หลังจากเขาสามารถ “ชักชวน” ให้รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกการห้ามขายชิปปัญญาประดิษฐ์รุ่น H20 ให้กับจีน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มยอดขายของบริษัทในปีนี้ได้ 1-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์
บทบาทการทูตเทคโนโลยีของเจนเซน หวง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nvidia กำลังถูกจับตามองจากวงการเทคโนโลยีโลก หลังจากเขาสามารถต่อรองกับทั้งรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และจีนให้ยอมรับการซื้อขายชิปปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทต่อไป
การต่อรองครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเพราะเมื่อวันที่ 14 ก.ค.68 Nvidia ได้รับอนุญาตให้ขายโปรเซสเซอร์ปัญญาประดิษฐ์รุ่น H20 ในจีนอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลทรัมป์ห้ามขายชิปดังกล่าวไปเมื่อเดือนเม.ย. โดยมาตรการดังกล่าวทำให้ Nvidia สูญเสียรายได้จากจีนประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์แหล่งข่าวของดิอีโคโนมิสต์ คาดการณ์ว่าการยกเลิกการห้ามขายจะเพิ่มยอดขายของ Nvidia ในปีนี้ประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณหนึ่งในสิบของยอดขายที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันกำไรสุทธิอาจเพิ่มขึ้น 6-9 พันล้านดอลลาร์
หลังจากข่าวดังกล่าวออกมา ตลาดหุ้นสหรัฐตอบสนองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าว โดยมูลค่าตลาดของ Nvidia เพิ่มขึ้น 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันถัดจากการประกาศ ทำให้มูลค่าบริษัทเกือบแตะ 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนเจนเซน หวง ซึ่งถือหุ้นบริษัท 3.5% ได้กำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์
เปรียบเทียบกับกลยุทธ์ของ Apple
นักวิเคราะห์เปรียบเทียบกลยุทธ์ของเจนเซน หวงกับ ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Apple ที่เคยนั่งตำแหน่งนี้มาก่อนว่า Apple ภายใต้การนำของทิม คุก เคยประสบความสำเร็จในการสร้าง "ห่วงโซ่อุปทานที่มีจีนเป็นศูนย์กลาง" และการขยายตลาดผู้บริโภคจีน ยอดขาย และกำไรจากการดำเนินงานในจีน (รวมไต้หวัน) เพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าระหว่างปี 2012-2022 จาก 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ระบุว่า อำนาจในการโน้มน้าวของทิม คุก ดูเหมือนจะลดลงในช่วงหลัง ในปี 2023 รายงานข่าวระบุว่าหน่วยงานจีนห้ามพนักงานรัฐใช้ iPhone เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก และส่งเสริมบริษัทในประเทศเช่น Huawei
ผลกระทบปรากฏชัดเจนเมื่อ Apple ขายสินค้าในจีนเพียง 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว ลดลง 10% จากจุดสูงสุดในปี 2022 แม้ว่ายอดขายทั่วโลกจะเติบโต มูลค่าตลาดของ Apple ลดลงเกือบ 8 แสนล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.
ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ของ Nvidia
ตัดภาพมาที่เจนเซน หวง เขามีความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์หลายข้อเมื่อเปรียบเทียบกับทิม คุก อย่างแรก เขาดูเหมือนจะเข้าใจทั้งแนวคิด MAGA (Make America Great Again) และแนวคิดของสี จิ้นผิง โดยบล็อกโพสต์ของบริษัทเกี่ยวกับการยกเลิกการห้าม H20 ได้อธิบายหลักการของ America First และแนวคิดของประธานาธิบดีจีนเอาไว้ด้วยกันอย่างดี
ประการที่สอง Nvidia ไม่ได้พึ่งพาซัพพลายเออร์เหมือน Apple เป็นหลักเปรียบเทียบกับ Apple ที่มี 4 ราย และจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์จากจีน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส ไม่รวม Foxconn ที่ได้รับ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนที่สาม Nvidia พัฒนานวัตกรรมชิปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ Apple ขาดกลยุทธ์ปัญญาประดิษฐ์ที่ชัดเจน
ความเสี่ยง และความท้าทาย
แม้ว่าเจนเซน หวง จะประสบความสำเร็จในรอบนี้ แต่ Nvidia ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงกว่า Apple ความเสี่ยงแรกเลยคือ ผลิตภัณฑ์ของ Nvidia มีความอ่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าสมาร์ตโฟนของ Apple และมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับข้อจำกัดในรูปแบบต่างๆ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.68 ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีใหม่สำหรับชิป
ต่อมาคือ หาก Nvidia ถูกบังคับต้องตัดขาดจากตลาดจีน จะเป็นประโยชน์ต่อคู่แข่งอย่าง Huawei ซึ่งเสนอชิปปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า H20 แม้ว่าจะยังไม่เทียบเท่าโปรเซสเซอร์ระดับเรือธงของ Nvidia
การที่สามารถครอบครองตลาดจีนได้ทั้งหมดเพียงลำพัง จะช่วยให้ Huawei สร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับ Nvidia และส่งออกไปทั่วโลก ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลทำให้เจนเซน หวง พยายามอย่างมากในการรักษาตลาดของตัวเองในจีนไว้…
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์