จีนท้าชนสหรัฐฯ ย้ำไม่กลัวสงครามภาษี แต่เลือกเจรจา ชี้ไร้เหตุเปิดศึกการค้า
แม้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะอยู่ในช่วง “ขึ้นๆ ลงๆ” แต่ล่าสุด จีนออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่าการเจรจาระดับสูงที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณเชิงบวก โดยไม่จำเป็นต้องย้อนกลับไปสู่สงครามภาษีอีก พร้อมฝากถึงสหรัฐฯ ให้ประพฤติตนให้เหมาะสมกับสถานะ "อภิมหาอำนาจของโลก" ที่ควรมีความรับผิดชอบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
หวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า “ประเทศใหญ่ควรทำตัวให้สมกับเป็นประเทศใหญ่ พวกเขาต้องแบกรับความรับผิดชอบของตนเอง” พร้อมเน้นย้ำว่าจีนมีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติอย่างถึงที่สุด
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นก่อนเส้นตายวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่จีนและสหรัฐฯ ต้องบรรลุข้อตกลงด้านภาษีฉบับถาวร หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายสามารถสงบศึกภาษีชั่วคราวได้เมื่อเดือนก่อน โดยหากการเจรจาครั้งใหม่นี้ล้มเหลว โลกอาจต้องเผชิญความปั่นป่วนครั้งใหม่ในห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากสหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในระดับที่อาจทะลุ 100%
รมว.พาณิชย์จีนกล่าวอีกว่า การพูดคุยที่กรุงเจนีวาและกรุงลอนดอนก่อนหน้านี้ เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า “สงครามการค้าไม่ใช่คำตอบ” และการสื่อสารระหว่างผู้นำระดับสูงสามารถคลี่คลายความขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม “เราจะเดินหน้าสนทนาและสื่อสารให้เข้มข้นต่อไป เพื่อหาฉันทามติที่ลึกซึ้ง ลดความเข้าใจผิด และเสริมสร้างความร่วมมือ” เขากล่าว
ข้อมูลจากศุลกากรจีนยังระบุว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จีนส่งออกแร่หายาก (Rare Earths) เพิ่มขึ้นถึง 32% จากเดือนก่อนหน้า บ่งชี้ว่า ข้อตกลงในลอนดอนเมื่อเดือนก่อนซึ่งมีเป้าหมายปลดล็อกการส่งออกโลหะสำคัญเหล่านี้ เริ่มเห็นผลในทางปฏิบัติแล้ว
ขณะเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตชิป AI ได้ประกาศว่า จะกลับมาจำหน่ายชิป H20 ให้กับจีนอีกครั้ง โดย เจนเซน หวง ซีอีโอของ Nvidia ได้พบกับ หวัง เหวินเทา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าการเจรจาไม่ได้จำกัดเฉพาะระดับรัฐ แต่ยังลามไปถึงความร่วมมือในภาคเอกชน
ทางด้านรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ โฮวาร์ด ลัตนิก ก็ออกมาเปิดเผยว่า การกลับมาขายชิปของ Nvidia เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาเกี่ยวกับแร่หายากด้วย ซึ่งตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แม้จะตึงเครียด แต่ก็ยังคงพึ่งพากันและกันในเชิงเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัจจุบัน สหรัฐฯ ยังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับสูงถึง 53.6% โดยนักวิเคราะห์เตือนว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีเพิ่มอีกเกิน 35% อาจทำลายกำไรของผู้ผลิตจีนอย่างรุนแรง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็อาจสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นในระบบเศรษฐกิจอเมริกันเอง
“ทั้งสองฝ่ายเข้าใจแล้วว่า พวกเขาต้องการซึ่งกันและกัน สินค้าและบริการที่แลกเปลี่ยนกันนั้นไม่อาจทดแทนได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ยากจะหามาทดแทนในระยะสั้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าว พร้อมทิ้งท้ายด้วยประโยคที่สะท้อนจุดยืนของจีนว่า “จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้า แต่ก็ไม่เคยกลัว”