เทรนด์กลุ่ม LGBTQ+ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว การใช้จ่ายคิดเป็น 16% จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากการเดินทาง
‘ไทย’ ถือเป็นประเทศที่ทั่วโลกให้การยอมรับในฐานะ หนึ่งในหมุดหมายการท่องเที่ยวสำคัญที่ขึ้นชื่อด้านความสวยงามทางธรรมชาติ วัฒนธรรม สังคม และอาหาร
โดยถือว่าเป็นประเทศที่เปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้เป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างเสรี และแสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางเพศได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย แต่งหน้า หรือการรักในแบบที่เป็นตัวเองได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
ด้วยจุดแข็งทางด้านสังคม วัฒนธรรม ทำให้ไทยได้รับความสนใจจากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ+ จากทั่วโลก ขณะเดียวกันนักเดินทางกลุ่มนี้เองก็มีบทบาทในแง่ของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวมากขึ้น
สำหรับไทยเองการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงการสนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม กลุ่ม LGBTQ+ จากทั่วโลกจึงเริ่มมองไทยในฐานะ“จุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย เป็นมิตร และมีชีวิตชีวา”
[ อินไซต์น่าสนใจจาก LGBTQ+ ]
ข้อมูลจาก World Travel & Tourism Council ระบุว่า ปัจจุบันกลุ่ม LGBTQ+ มีสัดส่วนมากกว่า 10% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก หากเจาะเฉพาะเรื่องการใช้จ่าย กว่า 16% ของค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวมาจากกลุ่ม LGBTQ+ เทียบกับกลุ่มนักเดินทางทั้งหมด
คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 195 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และตลาดการท่องเที่ยวของ LGBTQ+ มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถึง 568.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 19.70 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573
ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มนักเดินทาง LGBTQ+ เป็นผู้ที่มีกำลังซื้อสูง เมื่อรวมกับนิสัยรักความสนุกสนาน และชื่นชอบการค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ หากพวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นระหว่างการเดินทาง ก็พร้อมที่จะใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
ภาคการท่องเที่ยวของไทยจะได้มากกว่า ‘สีสัน’ ในอุตสาหกรรม ความหลากหลาย หรือภาพลักษณ์ประเทศที่ดี แต่ยังส่งผลดีโดยตรงต่อเศรษฐกิจในภาพรวมอีกด้วย เพราะในปัจจุบันไทยยังคงพึ่งพาการเติบโตทางเศรษฐกิจจาก ‘การท่องเที่ยว’ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ
[ กลุ่ม LGBTQ+ ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะเผยตัวตนระหว่างทริป ]
ผลสำรวจของ Booking.com ฉบับล่าสุด ได้เผยให้เห็นว่านักท่องเที่ยว LGBTQ+ ทั่วโลกกว่า 59% ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการเดินทาง เช่น การถูกเลือกปฏิบัติ และ 41% พวกเขาต้องปรับตัว (ปกปิดตัวตน) เพื่อความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย
ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งทำให้เห็นถึง‘โอกาสของไทย’ ที่จะสามารถเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่นได้ ไม่ว่าจะทางวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและเป็นมิตรต่อความหลากหลายทางเพศ รวมไปถึงการปฏิบัติ, การแต่งกาย และกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่เพิ่งบรรลุไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ยิ่งช่วยสร้างความมั่นใจในการยอมรับความหลากหลายทางเพศของประเทศไทยในวงกว้าง
ความร่วมมือระหว่าง Booking.com ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลด้านการเดินทางระดับโลก กับ ‘โรงแรมเรเนซองส์’ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ และ House of Heals จึงไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การต้อนรับนักเดินทาง แต่เป็นการ‘สร้างแรงบันดาลใจ’ ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดทางเพศหรืออัตลักษณ์ใดๆ พวกเขาสามารถเดินทาง ใช้ชีวิต และรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองได้
จุดหมายปลายทางสำหรับคนกลุ่มนี้ จึงไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือความรู้สึกของการ ‘ได้รับการยอมรับในสังคม’ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นจากหลายๆ กระแสที่เรียกร้องการยอมรับในความแตกต่างจากคนเหล่านี้
การบริการที่ดี เริ่มต้นจากความเข้าใจในตัวตนของตนเองและผู้อื่น ทางโรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานผ่านโปรแกรม Travel Proud เพื่อสร้างความเข้าใจและมอบบริการที่เป็นมิตรต่อผู้เข้าพักทุกคนอย่างเท่าเทียม
รวมถึงการปฏิบัติอย่างเป็นมิตร การสื่อสารด้วยความเคารพ และการไม่ตัดสินอัตลักษณ์ของใคร ล้วนเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ช่วยสร้าง ‘Safe Space’ ให้แขกผู้เข้าพักรู้สึกปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับ
ด้วยธรรมชาติของกลุ่ม LGBTQ+ ที่ชื่นชอบแสงสี การสังสรรค์ และความสนุกสนาน เพื่อปลดปล่อยและแสดงตัวตนอย่างอิสระ การมี House of Heals ซึ่งเป็นบาร์และโชว์เฮาส์ชื่อดังของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ภายในโรงแรม จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเข้าพักให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
แคมเปญ ‘Awaken Your Pridest Dream’ เพื่อเฉลิมฉลองส่งท้ายเดือน Pride Month จากการร่วมมือกันของ Booking.com และโรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ และ House of Heals แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเป็น ‘Safe Space’ สำหรับนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ทั่วโลก
พร้อมเป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้คนที่เดินทางเข้ามา และอยากจะใช้ชีวิตและแสดงออกซึ่งตัวตนได้อย่างอิสระ และแน่นอนว่าจะเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สมบูรณ์อีกทริปหนึ่งของพวกเขาได้