'ไอเอฟดีโพล' เผยความเห็น 47.70% หมดเชื่อมั่น 'รัฐบาล' หนุนยุบสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศูนย์สำรวจความคิดเห็นไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาลปัจจุบัน สำรวจระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. จากประชาชน 1,346 ตัวอย่างกระจาย 6 ภูมิภาค
โดยนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ เปิดเผยว่าในประเด็นความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ พบว่า47.70% ไม่เชื่อมั่นเลย รองลงมา 37.89% ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่นขณะที่ 9.14% ระบุว่าเชื่อมั่นพอสมควร และ 5.27% ระบุว่า เชื่อมั่นอย่างมาก นอกจากนั้นในประเด็นคำถามว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะอยู่ได้นานแค่ไหน พบว่า 31.87% ระบุว่า 3 เดือน รองลงมา 26.16% บอกว่า ไม่เกิน 1 เดือน ขณะที่ 15.82% บอกว่า 1 ปีและ 14.86% บอกว่า 6 เดือน
ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ระบุต่อว่าเมื่อตั้งคำาถมว่าถ้ารัฐบาลปัจจุบันไปต่อไม่ได้ ควรเลือกทางออกไหนให้ประเทศเดินหน้า พบว่า 47.10% ระบุว่า ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ รองลงมา 20.58% ระบุว่า ตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามกลไกรัฐธรรมนูญ 16.20% เลือกนายกฯใหม่จากบัญชีนายกฯของพรรคการเมือง และ 12.48% เลือกนายกฯคนนอกบัญชีพรรคการเมือง
“เมื่อถามเหตุผลที่เลือกรัฐบาลแห่งชาติตามกลไกรัฐธรรมนูญ พบเสียงส่วนใหญ่ 59.21% อยากได้รัฐบาลเฉพาะกิจ พาประเทศเดินหน้า รองลงมา 18.77% อยากได้รัฐบาลที่มีความสามารถบริหารประเทศ 14.08% พรรคการเมืองขัดแย้งหนัก ทำงานร่วมกันไม่ได้ นอกจากนั้นแล้วยังได้ตั้งคำถามว่า อยากได้ใครเป็นนายกฯ หากเลือกจากบัญชีพรรคการเมือง พบคำตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สูงสุด 29.82% รองลงมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย 24.77% ต่อด้วยนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย 21.56% นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ 16.97% และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ พรรคประชาธิปัตย์ 6.88%”ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ระบุ
ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ระบุต่อว่าเมื่อถามเหตุผลถึงการเลือกนายกฯใหม่จากบัญชีพรรคการเมือง สูงสุด 42.20% คือ ไม่เชื่อมั่น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองลงมา 33.49% เปลี่ยนผู้นำตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ทำให้การเมืองปั่นป่วน ต่อมา 17.43% ลดแรงกดดัน ไม่ต้องยุบสภา หรือรัฐประหาร สุดท้ายคือ 6.88% เชื่อว่าคนอื่นเหมาะสมกว่า นอกจากนั้นในส่วนขอคำถามต่อคุณสมบัตินายกฯ ที่เหมาะสมบริหารประเทศพบว่า 27.87% ทำเพื่อประโยชน์ตนเองมากกว่าพวกพ้อง รองลงมา 21.01% ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม 17.61% มีวิสัยทัศน์ 15.91% มีภาวะผู้นำ 12.75% บริหารเก่ง ประสานงานได้ทุกฝ่าย
นางจิตติมา ระบุต่อว่าเมื่อถามว่าจะเลือกพรรคไหนในการรเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่าอันดับหนึ่ง 40.34% คือ พรรคประชาชน รองลงมา 28.16% ระบุว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจ 9.44% ระบุว่าพรรคภูมิใจไทย 7.43% ระบุว่า พรรคเพื่อไทย 5.13% ระบุว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ 4.53% ระบุว่าเป็นพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่ 2.52% ระบุว่าพรรคอื่นๆ และ 2.45% ระบุว่าเลือกพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติและประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า จากผลสำรวจดังกล่าว ไม่ได้สะท้อนแค่ความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่คือการตั้งคำถามกับระบบการเมืองไทยหากฝ่ายการเมืองและผู้เกี่ยวข้องยังไม่ขยับ ประเทศอาจไม่ใช่แค่หยุดชะงัก แต่จะยิ่งถอยหลัง
“ประชาชนเรียกร้องให้การเมืองกลับมาอยู่บนหลักเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของพรรคหรือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขหาทางออก ก่อนที่ความศรัทธาจะหายไปอย่างถอนคืนไม่ได้”นายเกรียงศักดิ์กล่าว