“อิ๊งค์” ลาออก – ทักษิณกลับคุก “ชัยเกษม” นายกฯคนที่32จบมั้ย?
ปรากฎการณ์พิลึกพิลั่นผ่านกระบวนท่า “ปรับครม.” ที่ถูกมองว่า เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทางการเมือง ประคองสถานะปริ่มน้ำของรัฐบาล หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัว ที่ ผู้คนในแวดวงนักกฎหมาย นักการเมืองไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ปรากฎการณ์ดีลลับ ตะบัดสัตย์สลับขั้ว ที่เมื่อวาน (1ก.ค.)ก็ยังคงเกิดขึ้นอีก และ กำลังจะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ (3ก.ค.)
ทั้ง1.การปรับครม.ให้ “นายกฯ” ที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด นั่งควบเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม เพื่อยังสามารถนั่งอยู่ใน ครม.ตามโมเดล แบบ “ลุงตู่ -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกฯคนที่ 29 ที่เคยถูกศาลสั่งหยุดแต่เข้าประชุมครม.ได้ เพราะควบรมว.กลาโหม 2.ทั้งการเว้นวรรคเก้าอี้ รมว.กลาโหม เพื่อรอ “บิ๊กแก้ว-พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์” อดีต ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่จะมีคุณสมบัติ มานั่ง อีก 3 เดือน ทั้งที่ หน้างานยังมี “ศึกเขมร” ชิงแผ่นดิน
ไม่แต่เท่านั้นกระบวนท่านี้ ยัง งงๆ กับการมีรักษาการนายก 2 วันอย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เพิ่งเซ็นรับทราบเมื่อเช้า และรักษาการนายกทิพย์ อย่าง “พี่อ้วน ภูมิธรรม เวชชยชัย” ที่ ครม.เมื่อวานมีมติ ตั้งเป็นรักษาการนายกฯ ทั้งที่หลุดจากเก้าอี้ รองนายกฯและรมว.กลาโหมไป ที่หลังจากพรุ่งนี้ (3ก.ค.) เมื่อเข้าเฝ้าถวายสัตย์จะมาเป็นรักษาการนายกฯ อีกราว 45 วัน หรือจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน คดีคลิปเสียงของ “นายกอิ๊งค์” ที่จากนี้ ก็ยังเป็นปัญหาถกเถียงและเตือนจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น อดีตสว. ”สมชาย แสวงการ” หรือ “ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ที่ตั้งข้อกังขา ว่า “สุริยะ” จะสามารถนำ “อิ๊งค์” ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม เข้าถวายสัตย์ได้หรือไม่
แต่ที่น่าสนใจคือการตั้งคำถาม จากทั้งแวดวงการเมืองและราชการตั้งคือ ครม.อิ๊งค์1/2 จะอยู่ได้อีกกี่วัน และแต่ละวันจะอยู่กันเป็นสุขมั้ย และ ครม.ชุดนี้จะมีพลังในการมาบริหาร ราชการแผ่นดินเพื่อขับเคลื่อนประเทศหรือไม่ ที่สถานการณ์ความไม่ชัดเจนทางการเมืองนี้ ถูกมองจะกลายเป็นปัญหาเกียร์ว่าง ของข้าราชการ ที่จะรอความชัดเจน ซึ่งจะส่งผลกระทบทุกองคพายพ จนทำให้ “ฝ่ายนโยบาย” ไม่สามารถสั่งการได้
ไม่แต่เท่านั้นในช่วง 3 เดือนจากนี้แกนนำศูนย์อำนาจ อย่าง “ทักษิณ-อิ๊งค์” จะยังต้องง่วนกับการต้องไปสู้คดีในศาลที่ตัวเองโดน เกมนิติสงคราม โดยเฉพาะคดีของ “ทักษิณ” ทั้ง ม.112 ที่อยู่ในศาลอาญา และ คดีคนชั้น14 ที่อยู่ในศาลฏีกานักการเมือง ที่มีคิวไฟนอล หากผลออกมาทางลบต้องกลับเข้าเรือนจำจากโทษเก่าใหม่ย่อมส่งผลทำให้ “รัฐบาลเพื่อไทย”ล่ม
ขณะที่ “อิ๊งค์”ก็มีอีกหลายคดีจากปมคลิปเสียง ไม่แต่ในศาลรัฐธรรมนูญแต่ยังมีใน ปปช. รอส่งศาลฎีกานักการเมือง ที่ทั้งหมดถูกประเมินจากหลายฝ่ายว่าจบแล้วสำหรับ “นายกอิ๊งค์” ที่ตอนนี้เหลือทางลงแบบเจ็บแต่จบให้ “อิ๊งค์” เพียงการตัดสินใจ “ลาออก”
อย่างที่ “สุรนันท์ เวชชาชีวะ” อดีตเลขานายกฯที่สัมภาษณ์ “หมาแก่” ว่าตนเตือนผ่านการพูด ในหลายรายการแล้วว่า ให้ นายกฯลาออกตั้งแต่ที่คลิปหลุดแล้ว เพราะถือเป็น “ความผิดเฉพาะตัว”
ซึ่งถ้าทำตั้งแต่ตอนนั้นจะทำให้ไม่ต้องมาเผชิญกับคดีความหลายคดีที่ตามมา แต่นายกฯเลือกจะไปต่อ ไม่ลาออกไม่ยุบสภา พอเดินต่อก็มีผู้ร้องในแต่ละขั้นตอน ซึ่ง”นายกอิ๊งค์” ที่ถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญนั้น ผิดทั้งในความรู้สึกของประชาชนและที่ศาลรับเรื่องเมื่อวานแสดงถึงเรื่องการผิดในเรื่องของจริยธรรมร้ายแรง
และยังมีปัญหาเรื่องความมั่นคงของประเทศด้วยซึ่งปฏิเสธไม่ได้ การที่ศาลรับและสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือว่าตรงตัวที่สุด เพราะเป็นเรื่องคุณสมบัติของการเป็น “รัฐมนตรี” ดังนั้นมองสำหรับตัว “นายกอิ๊งค์” และประเทศชาติ เราจะให้นายกฯมาติดในกับดักกฎหมายไม่ได้ยิ่งวันนี้ต้องต่อสู้กับ “ฮุนเซน” ยิ่งมีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่ามีอำนาจเหนือนายกฯลักษณะเป็นลูกไก่ในกำมือ เพราะจะปล่อยคลิป เมื่อไหร่ก็ได้มันกระทบความมั่นคงประเทศ
ดังนั้นถ้า “อิ๊งค์” เสียสละลาออก คดีศาลรัฐธรรมนูญจะหลุดทันที แม้ คดีปปช.หรือคดีที่มีอดีตสว. ไปร้องกองปราบจะเดินต่อแต่ก็เชื่อว่าจะเคลียร์ และการเปลี่ยนคนเข้ามาก็มีความจำเป็น เช่น
“ชัยเกษม นิติศิริ” หรือ “อนุทิน” หรือ “พีรพันธ์” ที่อยู่ในลิสตนายกฯก็ให้มาตามระบบ ซึ่งยังเชื่อว่า ทั้งทหารและประชาชนไม่อยากให้มีรัฐประหารแต่ระบบต้องเดินได้ ถ้า “อิ๊งค์” ลาออกวันนี้ จะช่วยรักษาระบบ แถมไม่ต้องมีคดีที่จะเป็นตำหนิจริยธรรมในการกลับไปทำธุรกิจเหมือน “เศรษฐา”
ขณะที่ “ไพศาล พืชมงคล” อดีตกุนซือรองนายกฯ “ลุงป้อม” ที่โพสFB ว่า เห็นใจและให้กำลังใจ นายกฯหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย “แพทองธาร” ที่ต้องถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อรู้ว่าการเมืองคือสงครามที่หลั่งเลือด สถานการณ์ก็อาจจะสายไปแล้ว และยากที่จะกอบกู้ให้กลับคืนปกติได้ สาเหตุ ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นแต่เป็นเรื่องการใช้คน ที่วางตำแหน่งคนรอบข้าง จากคนใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อ ไม่ได้มีผู้มีสติปัญญา ทำนุบำรุงค้ำจุน จึงพลาดพลั้งอย่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง อันผู้นำนั้นใช้คนแบบไหนก็ได้ผลอย่างนั้น ท่านจึงเตือนไว้ว่า ผู้นำที่มีสติปัญญา จะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ผู้คนครอบครัวลูกเมีย แต่ต้องใช้ปราชญ์.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews