Trump Media ถือครองคริปโตฯทะลุ 2 พันล้านดอลล์ “ทรัมป์” เร่งดันสหรัฐเป็นศูนย์กลางคริปโตฯโลก
Trump Media and Technology Group เผยพอร์ตสินทรัพย์คริปโตทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นสองในสามของเงินสดทั้งหมดของบริษัท ขณะที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” เร่งผลักดันสหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางคริปโตโลก
วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 เวลา 04.00 น. สำนักข่าว CNBC รายงานว่า บริษัท Trump Media and Technology Group (TMTG) แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า ขณะนี้บริษัทถือครองบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ รวมกันมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นประมาณ สองในสามของสินทรัพย์สภาพคล่องทั้งหมดของบริษัท
ราคาหุ้นของ Trump Media ที่จดทะเบียนในตลาด Nasdaq ภายใต้ชื่อย่อ DJT พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 9% เมื่อเปิดตลาด และยังคงเพิ่มขึ้นราว 4% เมื่อถึงเวลา 14.00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ โดยหุ้นส่วนของโดนัลด์ ทรัมป์ในบริษัทมีมูลค่าสูงถึง 2.3 พันล้านดอลลาร์
การเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนใหม่ของทรัมป์และครอบครัวในการยอมรับและผลักดันสกุลเงินดิจิทัลอย่างเต็มที่ จนถึงขั้นที่คริปโตเคอเรนซี กลายเป็น ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของทรัมป์บนกระดาษ ตามการวิเคราะห์ของ Forbes เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทรัมป์ซึ่งเคยแสดงความสงสัยต่อคริปโตฯในอดีต ปัจจุบันประกาศจุดยืนชัดว่าจะผลักดันให้สหรัฐกลายเป็น “ศูนย์กลางคริปโตฯของโลก” โดยได้ดำเนินนโยบายหลายด้านแล้ว เช่น
- ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อจัดตั้ง“คลังสำรองบิตคอยน์”
- แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำด้านคริปโต (“Crypto Czar”)
- ผลักดันให้สภาคองเกรสออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตหลายฉบับ
เมื่อวันศุกร์ ทรัมป์ลงนามใน GENIUS Act ซึ่งเป็นหนึ่งในร่างกฎหมายดังกล่าว หลังผ่านการรับรองจากทั้งสองพรรคในสภาผู้แทนฯ
ทรัมป์ยังทำเงินได้อีกนับล้านจากโครงการคริปโตอื่น ๆ เช่น
- World Liberty Financial ซึ่งเป็นบริษัทด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)
- เหรียญมีม $TRUMP ที่เปิดตัวเพียงไม่กี่วันก่อนพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี
ครอบครัวทรัมป์ ซึ่งถือครอง World Liberty ผ่านบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำกำไรจากโครงการนี้ไปราว 500 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เริ่มกิจการเมื่อเดือนกันยายน ตามการวิเคราะห์ของ Reuters
โฆษกของทรัมป์ยืนยันว่า การถือครองสินทรัพย์ของทรัมป์ผ่าน ทรัสต์แบบเพิกถอนได้ (revocable trust) ซึ่งบริหารโดย Donald Trump Jr. บุตรชายของเขา ไม่ถือเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ในทรัสต์นี้ยังคงถือเป็นของทรัมป์โดยอ้อม เนื่องจากเขาเป็นผู้จัดตั้งและผู้รับผลประโยชน์เพียงคนเดียว ซึ่งหมายความว่าเขาจะสามารถเข้าถึงทรัพย์สินเหล่านี้ได้หลังออกจากตำแหน่งในปี 2029
นักวิจารณ์ รวมถึงสมาชิกสภาฯ จากพรรคเดโมแครต และผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรม แสดงความกังวลว่า การที่ทรัมป์มีผลประโยชน์ร่วมในคริปโต พร้อมกับอำนาจทางการเมือง อาจเปิดช่องให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนหรือการคอร์รัปชัน โดยกลุ่ม Democracy Defenders Fund ระบุไว้ในรายงานเมื่อเดือนเมษายนว่า “ในฐานะผู้ถือครองสินทรัพย์คริปโต ประธานาธิบดีทรัมป์มีแนวโน้มจะได้ประโยชน์จากนโยบายที่เขาผลักดันเอง”
ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม ทรัมป์ได้โอนหุ้น DJT ทั้งหมดไปยังทรัสต์ดังกล่าว ซึ่งบริหารโดย Trump Jr. นับแต่นั้นมา Trump Media ก็ได้ปรับตัวเป็นบริษัทด้านคริปโตและบริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ
ผลิตภัณฑ์แรกของบริษัทคือ Truth Social แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียคล้าย Twitter ซึ่งทรัมป์ใช้งานอยู่เป็นประจำ แม้ว่าจะยังสร้างรายได้ไม่มาก บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปีก่อนผ่านการควบรวมกับบริษัท SPAC และยังดึงดูดนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก
ในเดือนมกราคม บริษัทเปิดตัวแบรนด์ฟินเทคชื่อ Truth.Fi พร้อมการลงทุน 250 ล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์ เช่น บิตคอยน์และกองทุน ETF
ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทเริ่มจัดตั้ง “กองทุนการเข้าซื้อเชิงกลยุทธ์” กับนักลงทุนรายใหญ่บางราย และในเดือนมีนาคมก็ร่วมมือกับ Crypto.com เพื่อออก ETF ชุดใหม่
ในเดือนพฤษภาคม บริษัทระดมทุนได้กว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ จากการขายหุ้นและตั๋วแปลงสภาพให้กับนักลงทุนสถาบานราว 50 ราย ซึ่งจะนำมาใช้สร้างคลังบิตคอยน์ (bitcoin treasury)
การประกาศของ Trump Media ในวันจันทร์มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากราคาบิตคอยน์พุ่งแตะระดับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 120,000 ดอลลาร์ จากความคาดหวังว่าสภาคองเกรสจะผ่านกฎหมายกำกับดูแลคริปโตที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
Devin Nunes CEO ของ Trump Media กล่าวว่า “เรากำลังเดินหน้าแผนกลยุทธ์ที่ประกาศไว้ และทำตามแผนการสร้างคลังบิตคอยน์อย่างจริงจัง …สินทรัพย์เหล่านี้ช่วยให้บริษัทมีอิสระทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากการเลือกปฏิบัติของสถาบันการเงิน และจะสร้างประโยชน์ร่วมกับโทเคนยูทิลิตี้ที่เราวางแผนจะเปิดตัวบนระบบนิเวศ Truth Social“
อ้างอิง : cnbc.com