ดีเอสไอ-กกต. ลุยสอบ "คดีฮั้ว สว." ตามแกะรอยเงิน-ผู้ช่วย
แฉเบื้องลึก “ฮั้ว สว.” : การสอบสวนเข้มข้น
การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งล่าสุดกำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เมื่อมีการสอบสวนความไม่ชอบมาพากลและข้อกล่าวหาเรื่องการ “ฮั้ว สว.” ที่ส่งผลสะเทือนไปทั่วประเทศ ทั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังเร่งดำเนินการสอบสวน โดยดีเอสไอมุ่งเน้นไปที่เส้นทางการเงินที่อาจเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียงและฟอกเงิน
กกต. เผชิญความท้าทาย
กกต. ซึ่งเดิมคาดว่าจะนำเสนอผลการตรวจสอบในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ได้เลื่อนการพิจารณาออกไป ทว่า คณะอนุกรรมการได้เสนอแนะให้ดำเนินคดีทางกฎหมายกับบุคคลถึง 229 คน โดยแบ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาปัจจุบัน 138 คน และผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 91 คน ซึ่งรวมถึงผู้บริหารพรรคการเมืองบางราย
ข้อกล่าวหาแทรกแซงจากภายนอก: ปลุกปมยุบพรรค?
หัวใจสำคัญของข้อกล่าวหานี้คือ การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เป็นธรรมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเชื่อว่าถูกชี้นำจากอิทธิพลของพรรคการเมือง หาก กกต. ชุดใหญ่เห็นพ้องกับข้อเสนอนี้ อาจนำไปสู่การ ยุบพรรคการเมือง ที่เกี่ยวข้องได้
การใช้ตำแหน่งผู้ช่วย สว. ในทางที่ผิด: กลไกของการฮั้ว?
หนึ่งในส่วนสำคัญของการสมรู้ร่วมคิดที่ถูกกล่าวหาคือ การแต่งตั้งตำแหน่งผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภา ผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษา ซึ่งมีรายละเอียดที่น่ากังวล:
* มีรายงานว่า สมาชิกวุฒิสภา 4-5 คน ที่ถูกเรียกมาเป็นพยานได้อ้างว่า ไม่รู้จักผู้ช่วยทั้ง 8 คน ที่ตนได้รับอนุญาตให้แต่งตั้งเลย
- มีข้อกล่าวหาว่า “คณะกรรมการ” หรือกลุ่มบุคคลได้จัดการแต่งตั้งตำแหน่งเหล่านี้ โดยมักจะนำบุคคลที่สอบตกจากการเลือกตั้ง สว. มาดำรงตำแหน่งที่ได้รับค่าจ้าง (ประมาณ 15,000-20,000 บาทต่อเดือน)
- ผู้ช่วยเหล่านี้ยังถูกกล่าวหาว่าต้อง คืนเงินเดือนส่วนหนึ่ง ให้กับกลุ่มหรือพรรคที่จัดการแต่งตั้ง
- เมื่อคำนวณจากสมาชิกวุฒิสภาที่เกี่ยวข้อง 138 คน และแต่ละคนแต่งตั้งผู้ช่วย 8 คน ทำให้มีตำแหน่งผู้ช่วยมากกว่า 1,104 ตำแหน่ง ที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฮั้ว
ผลกระทบต่อองค์กรอิสระ: สั่นคลอนความเป็นกลาง
การสมรู้ร่วมคิดนี้ไม่เพียงแต่บ่อนทำลายบทบาทของวุฒิสภา แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อบทบาทสำคัญในการแต่งตั้งสมาชิกของ องค์กรอิสระ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือขององค์กรเหล่านั้น ประเด็นนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นจากการลงคะแนนเสียงของวุฒิสภาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (130 ต่อ 7) เพื่อดำเนินการคัดเลือกสมาชิกองค์กรอิสระ เช่น กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ
เรื่องอื้อฉาว “ฮั้ว สว.” นี้ จึงเป็นประเด็นที่มีความร้ายแรงอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ และเป็นบททดสอบสำคัญของกระบวนการยุติธรรมไทย