อดีตนักแสดงละครดังร้องสื่อ ลูก-สามีถูกทำร้ายเจ็บหนักระหว่างดูคอนเสิร์ต
วงจรปิดจับภาพชัด! อดีตนักแสดงละครกลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ พาครอบครัวดูคอนเสิร์ต ลูกชายถูกทำร้าย ส่วนสามีเจ็บสาหัสแอดมิตรพ. ร้องสื่อกลัวคดีเงียบ
วันที่ 28 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ดิออน มลฤดี คอลี่ย์ อายุ 39 ปีอดีตนักแสดงละครยุค 2000 เรื่อง “กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้” (รุ่นที่1) หลังครอบครัวของตนเอง ประกอบด้วย สามีและลูก 2 คนไปเที่ยวงานคอนเสิร์ตดังแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุวัยรุ่น 2 คน มีปากเสียงกับครอบครัวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และทำร้ายเด็กชายวัย 10 ขวบ ลูกชายจึงพยายามถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน แต่คู่กรณีกลับหันมาทำร้ายร่างกายชกต่อย และใช้โทรศัพท์มือถือทุบเข้าที่ใบหน้าของลูกชายตนได้รับบาดเจ็บ
ส่วนสามีที่เข้าไปช่วยห้ามก็ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองกระทบกระเทือน และปากฉีกเย็บ 11 เข็ม ต้องแอดมิตเพื่อดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล หลังเกิดเหตุได้มีการเข้าแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด แต่ตำรวจกลับดำเนินคดีแค่คู่กรณีเพียงคนเดียว ทั้งที่ผู้ก่อเหตุมี 2 คน ครอบครัวเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องสื่อให้ช่วยเหลือ
พร้อมภาพจากคลิปภายในงาน บันทึกเหตุการณ์ขณะ นายเอ (นามสมมุติ) และนายบี (นามสมมติ) อายุประมาณ 25-30 ปี ผู้ก่อเหตุกำลังชี้หน้าตะโกนด่าทอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติครอบครัวหนึ่ง โดยมีการ์ดเข้ามาห้ามปราม ขณะนั้นนายแบรนดอน(ผู้เสียหาย) เห็นท่าไม่ดีจึงถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเมื่อนายเอ ผู้ก่อเหตุหันมาเห็นจึงพยายามเข้ามาทำร้ายร่างกายนายวิวิศน์ ซึ่งเป็นพ่อของนายแบรนดอน จึงเข้ามาห้ามก็ถูกนายบี เพื่อนผู้ก่อเหตุเข้ามาชกต่อยทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ต่อมาการ์ดจึงเข้ามาห้ามปราม แต่ก็เอาไม่อยู่จนชุลมุนกันอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปด้านนอกของงาน
ภาพวงจรปิดอีกมุมหนึ่งบริเวณด้านนอกฮอลล์จับภาพการ์ดจำนวน 1 คน ประคองนายแบรนดอน ยืนอยู่ด้าน นอกจากนั้นมีการ์ดจำนวน 7 คนได้พานายเอ และนายบี ผู้ก่อเหตุเดินออกมาจากในฮอลล์ จังหวะนั้นจึงได้มีการโต้เถียงกันระหว่าง 2 ฝ่าย นายเอ หนึ่งในผู้ก่อเหตุพยายามวิ่งเข้ามาชกต่อยนายแบรนดอน การ์ดทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้น จึงพยายามห้ามปราม และจับนายเอ ผู้ก่อเหตุแยกตัวออกไป
นายแบรนดอน พันธุ์พงษ์อาชญาสิทธิวัตร อายุ 19 ปี ผู้เสียหาย (ลูกชาย) กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 68 ในงานคอนเสิร์ต ตนและครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันทั้งหมด 4 คน มีครอบครัวชาวต่างชาติ ซึ่งมีเด็กชายอายุ 10 ขวบ และเด็กหญิงอายุ 6 ขวบมาด้วยกัน ด้วยความที่เด็กตัวเล็ก และพยายามจะมุดออกไปดูคอนเสิร์ต ทำให้ไปโดนผู้ชายวัยรุ่น 2 คน ที่มีอาการมึนเมาคาดว่าไม่พอใจจึงหาเรื่องเด็ก โดยพูดตะโกนใส่ครอบครัวของเด็กว่า “ดูลูกมึงดีๆ“ และเข้าทำร้ายเด็ก โดยการจับหน้าเด็กชายแล้วเหวี่ยงอย่างแรง จนเด็กวิ่งหนีไป ตนจึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเป็นหลักฐาน คู่กรณีหันมาเห็นจึงไม่พอใจเข้ามาทำร้ายตนด้วยการชกต่อย ในคลิปจะเห็นว่าคุณพ่อของตนพยายามจะเข้ามาปกป้องตน และดันคู่กรณีออกไป ซึ่งตนก็พยายามจะปกป้องคุณแม่กับน้องสาวด้วย เพราะกลัวว่าจะโดนทำร้าย
จากนั้นจึงเกิดเหตุชุลมุนขึ้นตน และคุณพ่อพยายามจะผลักคู่กรณีออก แต่ฝ่ายคู่กรณีไม่ยอมจบเข้ามาชกต่อยตน และคุณพ่อจนร่วงไปที่พื้นตนได้รับบาดเจ็บ ส่วนคุณพ่อบาดเจ็บสาหัสปากฉีกเย็บหลายสิบเข็ม ปัจจุบันยังต้องแอดมิต เพื่อรอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล ตนและครอบครัวตั้งใจไปดูคอนเสิร์ตที่รอคอยมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งพอมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้ตนรู้สึกกลัวมาก มีอาการแพนิคจนคุณแม่ต้องไปปรึกษาหมอ และเชิญคุณหมอด้านจิตเวชเข้ามาพูดคุย
ตนยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุ ไม่รู้จัก ไม่เคยเจอ หรือพูดคุยกับฝ่ายผู้ก่อเหตุ ส่วนเหตุผลที่ถ่ายคลิป เพราะว่าระหว่างนั้นตนเห็นว่าฝ่ายคู่กรณีทำร้ายเด็ก มีการเรียกการ์ดมาแล้ว 1 คน แต่คุมไม่อยู่ คุณพ่อจึงเข้าไปช่วยห้ามอีกแรง แต่กลับโดนทำร้าย ทั้งตนและคุณพ่อน้องสาวเห็นก็พยายามจะช่วยเหลือ แต่พอคู่กรณีเห็นน้องสาวกับคุณแม่ก็พยายามจะทำร้ายอีก ครอบครัวตนรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก
ดูจากในคลิปจะเห็นจังหวะที่ผู้ก่อเหตุหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาฟาดที่ใบหน้าของตน ทำให้ตนล้มลงไปกับพื้น หลังเกิดเหตุมีทะเลาะกันต่อที่หน้าฮอล์อีก เพราะตนถูกควบคุมตัวออกมาก่อน และผู้ก่อเหตุเดินตามออกมาทีหลัง แต่มาพูดจาไม่ดีใส่ และพยายามจะวิ่งเข้ามาทำร้าย การ์ดก็เอาไม่อยู่ ตนรู้สึกแย่กับเหตุการณ์นี้มากหวังใจจะไปดูคอนเสิร์ตศิลปินวงโปรดที่เป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกที่มาประเทศไทย แต่กลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
ตนรู้สึกว่าความปลอดภัยในงานน้อยมาก ทั้งที่ในงานมีครอบครัวที่สามารถพาเด็กเข้าไปได้ มีการจำหน่ายแอลกอฮอล์ด้วย ตนมองว่าการ์ดทำงานบกพร่องไม่สามารถดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวได้เลย ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังจากนี้ตนคงไม่กล้าช่วยเหลือใครอีกแล้ว อยากให้คนอื่นๆ ระวังตัวเองให้ดี หากตั้งใจไปเที่ยวก็ขอให้เที่ยวให้มีความสุข และระวังตัวเอง ส่วนเรื่องการ์ดก็อยากให้ผู้จัดงานเพิ่มความปลอดภัย และควรดูแลนักท่องเที่ยวให้มากกว่านี้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
น.ส.ดิออน มลฤดี คอลี่ย์ อายุ 39 ปี อดีตนักแสดงละครยุค2000 กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกไม่ปลอดภัย ตอนนี้สามีของตนอาการสาหัสและพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หมอแจ้งว่าต้องแอดมิตรอดูอาการต่อไป ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน เพราะโดนกระทบกระเทือนที่สมอง ต้องทำMR Iและ CT Scan สามีตนยังพูดคุยไม่ค่อยรู้เรื่องต้องเย็บตรงมุมปาก 11 เข็ม เหงือกช้ำ ตาบวม คาดว่าต้องพักฟื้นดูอาการอย่างน้อย 15 วัน ตนรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ไม่อยากให้เกิดเรื่องกับใคร
วันเกิดเหตุตั้งใจเข้าไปช่วยครอบครัวชาวต่างชาติของเด็กชายวัย 10 ขว บแต่กลับเป็นครอบครัวตนเองที่โดนทำร้าย หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาอะไร อ้างว่าเหตุไม่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ จึงต้องรอสืบสวนอีกที และปล่อยตัวผู้ก่อเหตุไป ซึ่งตนได้เปิดคลิปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูว่า มีผู้ก่อเหตุ 2 คน คนนึงใส่เสื้อดำและอีกคนใส่เสื้อสีฟ้าทั้ง 2 คน เข้ามาทำร้ายครอบครัวของตน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับคลิป ขอรับเป็นไฟล์เท่านั้น และลงข้อมูลในใบแจ้งความว่า ผู้ก่อเหตุมีเพียงคนเดียว ตนรู้สึกกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมาร้องเรียนสื่อมวลชนให้ช่วยเหลือให้ครอบครัวของตนได้รับความเป็นธรรม และให้ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านนายศีลธรรม ปัญญาวรชาติ ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ตนได้พาผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนกับสื่อมวลชน เนื่องจากหลังเกิดเหตุคดีความกลับเงียบหาย ผู้เสียหายพยายามจะสอบถามความคืบหน้าแต่ยังไม่ได้รับการข้อมูลใดๆ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจลงข้อมูลในใบแจ้งความว่ามีฝ่ายผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว ทั้งๆ ที่ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้เสียหายมี 2 คนส่วนเรื่องที่คู่กรณีแจ้งความกลับต้องตรวจสอบกันอีกทีว่าแจ้งข้อหาอะไร ตอนนี้ผู้เสียหายกังวลเรื่องคดีความจะล่าช้า และไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากให้ผู้ก่อเหตุออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น