"แม่ทัพภาค 2" ขึ้นภูมะเขือ นำร้องเพลงชาติ-เปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหม่ใหญ่กว่าเดิม
กองทัพภาคที่ 2 รายงาน พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เข้าพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี โดยขึ้นไปที่ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยเดินลาดตระเวน ตรวจดูภูมิประเทศประเมินสถานการณ์ และ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ แก่กำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ พร้อมชื่นชมในปฏิบัติการที่ผ่านมา
โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัย และให้ดูแลรักษาสุขภาพ ให้ดี
จากนั้น พลโทบุญสิน ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทย ให้ผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติ บนยอดภูมะเขือร่วมกัน
สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญของสถานการณ์ถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2568
สถานการณ์โดยรวม ปัจจุบันไม่มีเหตุการณ์ ฝ่ายเรายังคงวางกำลังตามแนวพื้นที่ปฏิบัติการตามแผน
การทำพื้นที่ให้ปลอดภัย จัดชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด หรือชุด EOD เข้าตรวจสอบพื้นที่ เพื่อทำลายวัตถุระเบิดที่ยังตกค้าง ซึ่งปัจจุบันได้ทำลายไปแล้ว 48 พื้นที่ คงเหลืออีก 59 พื้นที่ วันนี้ได้อำนวยความสะดวกให้กับคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ICRC เข้าสังเกตการณ์ กระบวนการในการดำเนินการต่อเชลยศึก ทั้งนี้เราได้ดำเนินการเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวา และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน
การดูแลผู้อพยพ ส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ยังคงให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในพื้นที่รวบรวมพลเรือนทั้ง 356 จุด ใน 4 จังหวัด ปัจจุบันมียอดรวม 69,338 คน ทั้งนี้ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นที่ บ้านเรือนของพี่น้องประชาชนที่อพยพ อย่างต่อเนื่อง ลำดับต่อไปเป็นการชี้แจงของ ศอ.จอส.พระราชทาน ภาค 2
จิตอาสาพระราชทาน เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ศอ.จอส.พระราชทาน จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน, จิตอาสา 904, จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนจิตอาสา ร่วมพิธีมอบบ้านให้กับครอบครัวของ ส.ต.ธีรยุทธ กระจ่างทอง กำลังพลที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดน ไทย – กัมพูชา มีโรงครัวพระราชทาน ในพื้นที่ 4 จังหวัด 15 แห่ง
จำนวนอาหารพระราชทาน ณ ปัจจุบัน 425,093 กล่อง กำลังพลจิตอาสาพระราชทาน ร่วมดูแลอำนวยความสะดวกประชาชน จำนวน 3,047 นาย นอกจากนี้ ศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก และกองพันสุนัขทหาร จัดชุดสัตวแพทย์จิตอาสาเคลื่อนที่ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย
ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการให้ความช่วยเหลือ ดูแล และอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนที่อพยพมายังพื้นที่รวบรวมพลเรือน ความร่วมมือของทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายความมั่นคง หน่วยแพทย์ หน่วยกู้ภัย ตลอดจนหน่วยงานด้านการปกครองและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มีส่วนสำคัญในการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนแสดงถึงความเข้มแข็งและความมีน้ำใจของสังคมไทย ในการดูแลเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ครม.ไฟเขียวเพิ่มเงินเยียวยาเหตุปะทะชายแดน เสียชีวิตรายละ 8 - 10 ล้านบาท
- สธ. ห่วง “กลิ่น” กระทบจิตใจ - สุขภาพ คนชายแดน เล็งส่งหน้ากาก N95
- ครม. ขอทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องยกร่างเตรียมฟ้องทางอาญา แพ่งกับกัมพูชา
- กต.ปฏิเสธข้อกล่าวหา ไทยวางแผนลอบสังหาร “บุคคลระดับสูงกัมพูชา”
- ประชุม GBC ไทย-กัมพูชา หารือต่อเนื่องวันที่ 2 เพื่อได้ข้อตกลงหยุดยิงที่มีความยั่งยืน