Apple ประกาศลงทุนเพิ่ม 100,000 ล้านดอลลาร์ ในซัพพลายเออร์-บริษัทในสหรัฐ ภายใน 4 ปี
Apple ประกาศลงทุนเพิ่ม 100,000 ล้านดอลลาร์ในบริษัทและซัพพลายเออร์ภายในสหรัฐฯ ตลอด 4 ปีข้างหน้า เสริมทัพจากแผนเดิมที่ตั้งไว้ 500,000 ล้านดอลลาร์ หวังสร้างซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นจนจบบนแผ่นดินอเมริกา
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ทิม คุก ซีอีโอของApple และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศร่วมกันเมื่อวันพุธว่า Appleจะลงทุนเพิ่มอีก 100,000 ล้านดอลลาร์ในบริษัทและซัพพลายเออร์ของสหรัฐ ภายในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า
[caption id="attachment_189326" align="aligncenter" width="1000"]
ภาพจาก เฟซบุ๊ก The White House[/caption]
Appleระบุว่า การลงทุนนี้จะเป็นแรงจูงใจให้บริษัทในต่างประเทศหันมาใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐมากขึ้น โดยคำมั่นสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการประกาศลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทรัมป์กล่าวว่า“นี่เป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดที่ Appleเคยทำในสหรัฐหรือในที่ใดก็ตาม” และเสริมว่า “อย่างที่ทุกคนทราบ Appleเคยไปลงทุนในประเทศอื่นมาบ้าง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังกลับบ้าน”
ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า เขาคาดว่าจะมีโรงงานใหม่ในสหรัฐฯ เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้จากผลของนโยบายของเขา โดยเสริมว่ามีโรงงานจำนวนมากที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือกำลังจะเริ่มสร้างเร็ว ๆ นี้ ผมบอกไม่ได้แน่ชัดว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ผมอยากจะอยู่ดูอีกปีข้างหน้า
Appleยังได้ประกาศโครงการ“American Manufacturing Program” ซึ่งร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ได้แก่ Corning, Coherent, GlobalWafers, Applied Materials, Texas Instruments, Samsung, GlobalFoundries, Amkor และ Broadcom
บริษัทระบุว่า จะใช้เงิน 2.5 พันล้านดอลลาร์ในการขยายกิจการร่วมกับ Corning ซึ่งผลิตกระจกสำหรับ iPhone ในรัฐเคนทักกี โดย Appleกล่าวว่า กระจกทั้งหมดสำหรับ iPhone และ Apple Watch จะผลิตภายในโรงงานของ Corning ในสหรัฐ
ในทำเนียบขาว คุกได้มอบของที่ระลึกที่ทำจากกระจกของ Corning ให้ทรัมป์เป็นของขวัญ นอกจากนี้ Appleยังเปิดเผยว่า ได้ลงนามในข้อตกลงระยะยาวกับ Coherent เพื่อผลิตเลเซอร์สำหรับระบบ Face ID ของ iPhone
[caption id="attachment_189325" align="aligncenter" width="1000"]
ภาพจาก เฟซบุ๊ก The White House[/caption]
Appleกล่าวด้วยว่า ซัพพลายเชนในสหรัฐของบริษัทจะผลิตชิปกว่า 19,000 ล้านตัวในปีนี้ โดยรวมถึงชิปที่ผลิตโดย TSMC ในรัฐแอริโซนา, เวเฟอร์ที่ผลิตในสหรัฐ โดย GlobalWafers และชิปจาก Texas Instruments
Appleยังร่วมมือกับ Texas Instruments เพื่อติดตั้งเครื่องมือเพิ่มเติมในโรงงานในรัฐยูทาห์และเท็กซัส ขณะที่ GlobalFoundries ซึ่งเป็นบริษัทในสหรัฐที่ผลิตชิปรุ่นเก่าสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ จะผลิตเทคโนโลยีการชาร์จไร้สายให้ Apple ที่รัฐนิวยอร์ก
Appleระบุว่าเป้าหมายของบริษัทคือการสร้างซัพพลายเชนแบบครบวงจร (end-to-end) ซึ่งหมายถึงให้ทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตชิปเกิดขึ้นภายในสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ในปีนี้ Appleเคยประกาศลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ในเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ และวางแผนสร้างเซิร์ฟเวอร์ AI ที่โรงงานในเท็กซัส
หลังจากฟังประกาศทั้งหมด ทรัมป์กล่าวว่า “ผมชอบมากที่คุณทำสิ่งนี้”
คุกกล่าวว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวชื่นชมสิ่งที่เราทำ แต่เขาก็ขอให้เราคิดต่อว่าเราจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกบ้าง… และท่านประธานาธิบดีครับ พวกเรารับคำท้าทายนั้นอย่างจริงจัง”
[caption id="attachment_189323" align="aligncenter" width="1000"]
ภาพจาก เฟซบุ๊ก The White House[/caption]
ที่ผ่านมา ทรัมป์เคยวิจารณ์ Apple และทิม คุก ที่ไม่ผลิต iPhone ในสหรัฐ ซึ่ง Apple ไม่เคยส่งสัญญาณว่าจะย้ายฐานการผลิตกลับมา เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การย้ายการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนและปริมาณสูงอย่าง iPhone กลับมาสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ และต้องใช้เวลาหลายปี
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการผลิต iPhone ในสหรัฐฯ คุกตอบว่า หลายชิ้นส่วนในตัวเครื่องผลิตในอเมริกา “ถ้าดูส่วนประกอบหลัก เราผลิตเซมิคอนดักเตอร์จำนวนมากที่นี่ ผลิตกระจกที่นี่ ผลิตโมดูล Face ID ที่นี่”
Apple เคยประกาศแผนลงทุนในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง เช่น ในปี 2561 ภายใต้แรงกดดันจากรัฐบาลทรัมป์ช่วงแรก บริษัทให้คำมั่นว่าจะใช้เงิน 350,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ภายใน 5 ปี เฉลี่ยปีละ 70,000 ล้านดอลลาร์
ต่อมาในปี 2564 Apple เพิ่มเป้าหมายเป็น 430,000 ล้านดอลลาร์ใน 5 ปี (ปีละ 86,000 ล้าน)
ล่าสุดในประกาศวันพุธ บริษัทตั้งเป้าสูงขึ้นเป็น 600,000 ล้านดอลลาร์ใน 4 ปี (ปีละ 125,000 ล้าน)
แม้ Appleจะไม่เปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายในสหรัฐฯ รายปี และซัพพลายเออร์ก็ไม่แยกยอดรายได้จากApple โดยตรง แต่หลายโครงการที่ประกาศก็เกิดขึ้นจริง เช่น ศูนย์ข้อมูล (data center) ในรัฐนอร์ธแคโรไลนา, โอเรกอน, เนวาดา, แอริโซนา และไอโอวา ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินงานแล้วทั้งหมด
ในการประกาศล่าสุด Appleกล่าวว่าจะขยายศูนย์ข้อมูลในนอร์ธแคโรไลนา ไอโอวา เนวาดา และโอเรกอนเพิ่มเติม
Apple เผชิญกับภาษีนำเข้าที่อาจกระทบต่อกำไร โดยปัจจุบันต้องจ่ายภาษีนำเข้าที่มาจากจีน และกำลังจะเผชิญภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ เมื่อรัฐบาลทรัมป์ดำเนินการตามมาตรการภายใต้ Section 232 จนแล้วเสร็จ
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะเก็บภาษี 100% กับเซมิคอนดักเตอร์และชิปนำเข้า แต่จะยกเว้นให้ Apple เนื่องจากบริษัทให้คำมั่นว่าจะผลิตในสหรัฐ
ในเดือนพฤษภาคม Appleระบุว่า โทรศัพท์ส่วนใหญ่ที่ขายในสหรัฐฯ ขณะนี้ประกอบที่อินเดีย เพื่อลดผลกระทบจากภาษีของจีน แม้ภาษีของอินเดียจะเพิ่มเป็น 25% แต่แหล่งข่าวในทำเนียบขาวบอกกับ CNBC ว่า Apple “จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก” จากภาษีดังกล่าว
ในปี 2560 Appleเคยประกาศตั้งกองทุนการผลิตมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ซื้อสินค้าในอนาคตจากซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ และต่อมาในปีนี้ได้เพิ่มเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์ โดย Corning หนึ่งในพันธมิตรของ Appleเคยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนนี้ถึงสองครั้งแล้ว
อ้างอิง : cnbc.com