คนไทยห่วงค่าครองชีพพุ่ง แบกภาระเพิ่ม คู่แต่งงานกังวลกว่าคนโสด
มาร์เก็ตบัซซ(Marketbuzzz) สำรวจคนไทย 865 คนทั่วประเทศ ถึงความกังวลใจในชีวิตมิติต่างๆทั้ง ค่าครองชีพ รายได้ ภาระที่แบกไว้ ซึ่งผลสำรวจออกมา “ค่าครองชีพพุ่ง” เป็นสิ่งที่เป็นแรงกดดันนำโด่ง
จากผลสำรวจล่าสุดของ Marketbuzzz พบว่า 42% ของประชาชนคนไทยมีความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น แม้ข้อมูลทางการหรือตัวเลขจากภาครัฐ จะรายงานภาพรวมเดือนมิถุนายนแสดง “ภาวะเงินฝืด” อยู่ในโหมดติดลบ 0.25%ทว่า คนไทยกำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจาก ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ราคาสินค้าแพงในท้องถิ่นที่อยู่อาศัย
เจาะลึกสถานการณ์ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่มีความจำเป็นเพิ่มขึ้นทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นค่าที่อยู่อาศัย อาหาร การเดินทาง และสาธารณูปโภค โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 15.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อรายจ่ายของครัวเรือนทั่วประเทศ
แบ่งตามกลุ่มผู้บริโภค ยังพบว่าแรงกดดันต่อค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายมีความแตกต่างกันไป ดังนี้
แรงกดดันตามช่วงชีวิต
-คู่แต่งงานที่มีบุตร จะมีความกังวลสูงสุด อยู่ที่ 46% เมื่อเทียบกับกลุ่มคนโสด ซึ่งความกังวลอยู่ที่ 39%
ความตึงเครียดตามช่วงอายุ
-คนไทยสูงวัย อายุ 55 ปีขึ้นไป จะมีความกดดันทางการเงินมากที่สุดถึง 59% ซึ่งมักเกิดจากการที่ต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวขยาย
ความแตกต่างในแต่ละภูมิภาค
-ประชาชนอาศัยในพื้นที่เขตเมือง เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มักมีความกังวลที่ค่าครองชีพสูงถึง 54% ซึ่งสูงกว่าผู้ที่อาศัยในต่างจังหวัดที่กังวลอยู่ที่ 37% เนื่องด้วยปัจจัยในการดำเนินชีวิต และค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ปี 2567 ที่อ้างถึงในงานวิจัย ชี้ให้เห็นถึงภาระทางการเงินที่ครัวเรือนไทยต้องเผชิญ โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อเดือนอยู่ที่ 18,207 บาท (ณ เดือนธันวาคม 2567) ในจำนวนนี้ กว่า 8,000 บาท หรือ 42% ถูกใช้ไปกับอาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่อาหารสูงกว่า 10,000 บาท หรือ 58% และที่น่ากังวลคือ หนี้ครัวเรือนเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 606,378 บาท
นอกจากนี้ ภาวะช่องว่างรายได้ต่อรายจ่ายที่สูงขึ้น จากค่าแรงขั้นต่ำรายวันที่ปรับขึ้นอยู่ระหว่าง 337 - 400 บาท ครัวเรือนไทยจำนวนมากต้องเผชิญกับช่องว่างที่มีมากขึ้นระหว่างรายได้และค่าครองชีพขั้นพื้นฐานที่สูงขึ้น
“ผลสำรวจนี้ แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เรื่องอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเท่านั้น แต่เป็นเรื่องราคาที่สูงขึ้นของสินค้าและบริการที่จำเป็น เช่น ที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค การรักษาพยาบาล และการขนส่ง” มร.แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาร์เก็ตบัซซ (Marketbuzzz) ให้มุมมองและขยายความว่า
“เราจำเป็นต้องมีมาตรวัดความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อโดยรวมอาจคงที่หรือติดลบ แต่ความจริงคือ ค่าครองชีพที่จำเป็นยังคงสร้างแรงกดดันต่อรายจ่ายของครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อกลุ่มประชากรที่แตกต่างกันอย่างไม่สมดุลอีกด้วย”
ปัจจุบันคนไทยหลายคนกำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ซึ่งบางครอบครัวอาจต้องตัดสิ่งที่จำเป็นออกไป ในขณะที่บางครอบครัวอาจยังคงก่อหนี้เพิ่ม เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หากค่าครองชีพยังคงเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่รายได้ไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลง ภาระต่อบุคคลและโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง ความเสี่ยงด้านหนี้สินเพิ่มขึ้น และความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่กว้างขึ้นในระยะยาว
“ค่าครองชีพเป็นมากกว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่เป็นความจริงในชีวิตประจำวันที่คนไทยหลายล้านคนกำลังเผชิญ สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้แนวทางแบบองค์รวม เพื่อทำความเข้าใจแรงกดดันที่ครัวเรือนต้องเผชิญอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ดูตัวเลข แต่ควรสะท้อนถึงประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น การมีแนวทางที่กว้างขึ้นและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการวัดสุขภาพทางเศรษฐกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่เพียงตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาค แต่ยังต้องรับรู้ถึงสิ่งที่ประชาชนกำลังประสบอยู่จริงด้วย”