โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ปมร้อนชายแดน-ภาษีสหรัฐกดดัชนีเชื่อมั่นฯลดต่ำสุดรอบ 3 ปี

The Better

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE BETTER
ส.อ.ท.ชงรัฐเร่งเยียวยาผลกระทบฟื้นธุรกิจแนวชายแดน มอง 3 เดือนยังน่าเป็นห่วง เสนอจัดซอท์ฟโลนเพิ่มสถาพคล่อง หวังเม็ดเงินกระตุ้น 1.15 แสนล้านบาทเห็นผลโดยเร็ว

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 86.6 ปรับตัวลดลง จาก 87.7 ในเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นผลจากgเหตุข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้าชายแดน โดยในเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 10,907.53 ล้านบาท ลดลง 32.29% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2568 (MoM) และลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

นอกจากนี้สถานการณ์อุทกภัยและน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดน่านและเชียงราย ยังสร้างความเสียหายต่อชุมชน บ้านเรือน และโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ความกังวลต่อการจัดเก็บภาษี Reciprocal Tariff ในอัตรา 36% (ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2568) ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย ยิ่งไปกว่านั้น ความกังวลต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ที่อาจเกิดความล่าช้า ตลอดจนการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 และงบกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทน เช่น เครื่องปรับอากาศและเครื่องจักรกล ส่งผลให้ภาคการบริโภคภายในประเทศเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคม ยังคงมีปัจจัยบวกจากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” จำนวน 500,000 สิทธิ์ ภายใต้งบประมาณ 1,750 ล้านบาท (เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568) ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันการลงทุนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2568 มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 1.06 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุน ยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ และเพิ่มการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม อีกทั้ง ราคาน้ำมันที่ทรงตัว ยังมีส่วนช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ

ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการจากการสำรวจ ส.อ.ท. กล่าวถึง ผลการสำรวจผู้ประกอบการ 1,356 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจภายในประเทศ 70.1% เศรษฐกิจโลก 66.7% นโยบายภาครัฐ 57.2% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) 44.9% ราคาพลังงาน 35.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 27.1% ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ การเข้าถึงสินเชื่อ 42.3%

ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 89.2 ลดลงจาก 90.8 ในเดือนมิถุนายน 2568 เนื่องจากผลการเจรจาภาษี Reciprocal Tariff กับสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน หากอัตราภาษีไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค อีกทั้งข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาที่ยืดเยื้อยังคงส่งผลกระทบต่อมูลค่าการค้าชายแดน

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ได้แก่ มาตรการตรึงราคาพลังงาน โดยค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน–ธันวาคม 2568 คงอยู่ที่ 3.94 บาทต่อหน่วย รวมถึงมาตรการส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ซึ่งช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด อีกทั้งมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย (เริ่ม 1 ตุลาคม 2568) ที่จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน

ทั้งนี้ส.อ.ท.ได้จัดทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาทเพื่อการบริหารนโยบายดังนี้ 1.ขอให้ภาครัฐออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้โดยเร็ว พร้อมทั้งจัดทำโครงการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชา เพื่อบรรเทาผลกระทบและลดความเสี่ยงต่อการประกอบธุรกิจในระยะยาว

2.เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินและสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการในการปรับตัว เพื่อรับมือกับอัตราภาษี Reciprocal Tariff ที่ประกาศในวันที่ 1 สิงหาคม 2568

3.เสนอให้ภาครัฐเร่งลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบ เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการเก็บกัก กระจายน้ำ และฟื้นฟูระบบนิเวศน้ำอย่างยั่งยืน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Better

"บิ๊กเล็ก" ขอทหารอดทน คนเขมรยั่วยุ รับไอเดียสร้างรั้ว ต้องจัดลำดับ เหตุใช้งบเยอะ

24 นาทีที่แล้ว

“ครม.”ถกนาน 78วาระ รมต.จับกลุ่มคุยอารมณ์ดี ทำสัปดาห์นี้ให้ดีที่สุด จะได้มีสัปดาห์หน้า

39 นาทีที่แล้ว

กฤษฎีกาชี้ช่อง มท.ช่วยปชช.ฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหาย"ผู้นำเขมร"ทำเดือดร้อน

59 นาทีที่แล้ว

ครม.ตั้ง “พชร อนันตศิลป์” ลูกหม้อกระทรวงคลัง ข้ามห้วยนั่งปลัดกระทรวงดีอี มีผล 1 ต.ค.

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ครม. ไฟเขียว ควบรวม บสย. ตั้ง NaCGA ยกระดับค้ำประกันสินเชื่อ

การเงินธนาคาร

World Humanoid Robot Games ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความก้าวหน้าด้านการพัฒนาหุ่นยนต์

China Media Group

“MEDEZE” ร่วมเวที Market’s New Magnet แชร์วิสัยทัศน์ผู้นำธุรกิจโลกยุคใหม่ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขับเคลื่อนนวัตกรรมสุขภาพสู่อนาคต

The Better

ตลาดโจวซาน มณฑลเจ้อเจียงขายปูม้าวันละกว่า 20,000 ตัว

China Media Group

ครม.อนุมัติโอนสิทธิ แปลงสำรวจ G1/61 ในอ่าวไทย ให้แก่ ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์

เดลินิวส์

ฝรั่งยังได้เฮ ! ททท. ปิ๊งจ่ายอุดหนุนค่าตั๋วบิน คนละ 3,500 บาท กระตุ้นต่างชาติเที่ยวไทย

Khaosod

BEM ยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านการศึกษา สร้างอนาคตเยาวชนไทยอย่างยั่งยืน

Manager Online

บล.บัวหลวง ระบุ SET รอความชัดเจนการเมือง แนะลงทุนหุ้น Global Play

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...