ทุบหม้อข้าวเลิก MOU 4
บทบรรณาธิการ
การปะทะกันระหว่างกองทหารประเทศไทยกับกองทหารกัมพูชาในพื้นที่อ้างสิทธิบริเวณปราสาทตาเมือนธม ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของทั้ง 2 ฝ่ายจนนำมาซึ่งข้อตกลงหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 กรกฎาคมจากการเข้ามาไกล่เกลี่ยของ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากสหรัฐอเมริกาและจีน
ข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ที่ผ่านการเห็นชอบในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee หรือ GBC) ในวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา มีสาระสำคัญอยู่ที่การยุติการใช้อาวุธทุกประเภทในการโจมตีต่อเป้าหมายทั้งทางด้านการทหารและพลเรือนและให้ “คง” กำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ณ ที่ตั้งปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังและไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมกับเห็นชอบให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (Regional Border Committee หรือ RBC) โดยคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนี้เป็นเพียงกลไกในการรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนในระดับทวิภาคี ที่มี รมต.กลาโหมเป็นหัวหน้าคณะ (GBC) และแม่ทัพภาค เป็นหัวหน้าคณะ (RBC) เท่านั้น
จึงไม่แปลกที่หัวข้อในการเจรจาทั้งในระดับคณะกรรมการ GBC กับคณะกรรมการ RBC ยังคงวนเวียนเหมือนพายเรือในอ่างอยู่กับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ขณะที่คณะเจรจาฝ่ายไทยได้ “เพิ่มข้อเสนอ” ในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็น 1 ในชนวนของการปะทะกันในวันที่ 24 กรกฎาคม ภายหลังจากเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดติดต่อกันหลายครั้ง รวมทั้งข้อเสนอเรื่องการร่วมกันปราบปรามสแกมเมอร์ การจัดตั้งชุดประสานงาน คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นและการจัดสรรพื้นที่ชายแดน
ในขณะที่ต้นตอของปัญหาที่ก่อให้เกิดการปะทะกันก็คือ การอ้างสิทธิในการครอบครองพื้นที่ข้อพิพาทสามเหลี่ยมมรกต กลุ่มปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย ของกัมพูชา ด้วยการยื่นหนังสือต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และขอให้ฝ่ายไทยให้ความร่วมมือในการนำข้อพิพาทเข้าพิจารณาคดี ซึ่งไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลมาตั้งแต่ต้น พร้อมประกาศจุดยืนให้มีการแก้ไขข้อพิพาทกันภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่เดิม คือ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Committee หรือ JBC ตลอดจน GBC และ RBC
ซึ่งคณะกรรมาธิการและคณะกรรมการทั้ง 3 ชุดนี้ ล้วนมีต้นทางมาจากบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก หรือ MOU 43 ที่กำลังเกิดกระแสข้อเรียกร้องให้มีการ “ยกเลิก” MOU ฉบับนี้ (รวมไปถึง MOU 44 การอ้างสิทธิในไหล่ทวีป) โดยอ้างเหตุไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องอาณาเขตทั้งทางบกและทางทะเลได้ จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงข้อดี-ข้อเสียในการยกเลิก MOU ที่กลายเป็นกลไกในการเจรจาเพียงอย่างเดียวที่ยังปรากฏอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทุบหม้อข้าวเลิก MOU 4
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net