เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เปิดผลงานครึ่งแรกปี’68 กำไรสุทธิ 82.9 พันล้านบาท
เจนเนอราลี่ กรุ๊ป รายงานผลประกอบการที่น่าพอใจในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 โดยมี กำไรสุทธิหลังปรับปรุงกว่า 82.9 พันล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับรวม1.94 ล้านล้านบาทจากการเติบโตของธุรกิจ ประกันวินาศภัย และ ประกันชีวิต
นายฟิลิปป์ ดอแนต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ กรุ๊ป เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรก 2025 ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ว่า มี เบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 1.94 ล้านล้านบาท
โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย รวมถึงธุรกิจประกันชีวิตที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความคุ้มครอง สุขภาพ และยูนิตลิงค์ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในระยะยาว
ขณะเดียวกันกลุ่มยังคงรักษาระดับเงินทุนที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนความมั่นคงทางการเงินสูงถึง 212% กำไรสุทธิหลังปรับปรุง อยู่ที่ 82.9 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนผลลัพธ์เชิงบวกจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ Lifetime Partner 27: Driving Excellence
โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2025 เจนเนอราลี่ กรุ๊ป สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี เบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premium) อยู่ที่ ประมาณ 1.94 ล้านล้านบาท (50.5 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มประกันวินาศภัย (P&C) ที่เติบโตขึ้น 7.6% โดยเฉพาะในกลุ่มประกันที่ไม่เกี่ยวกับยานยนต์ และกลุ่มประกันชีวิต (Life) ที่มีกระแสเงินสดรับสุทธิ (Life Net Inflow) 2.44 แสนล้านบาท ( 6.3 พันล้านยูโร)
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองและสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ควบการลงทุนอย่างยูนิตลิงค์ ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีอัตราส่วนรวมก่อนการคิดลดมูลค่า (Undiscounted Combined Ratio) ปรับตัวดีขึ้นเป็น 93.1% (-1.8 จุดเปอร์เซ็นต์)
จากปัจจัยข้างต้น ส่งผลให้เจนเนอราลี่ กรุ๊ปมี ผลกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Result) อยู่ที่ 1.56 แสนล้านบาท (4 พันล้านยูโร) คิดเป็นกำไรสุทธิหลังปรับปรุง (Adjusted Net Result) อยู่ที่ 82.9 พันล้านบาท (2.2 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 10.4% ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EPS) เพิ่มขึ้นเป็น 56.61 บาทต่อหุ้น (1.47 ยูโรต่อหุ้น)
โดยเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2024 และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนความมั่นคงทางการเงิน (Solvency Ratio) อยู่ที่ 212% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารความเสี่ยง การจัดสรรทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงผลของโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 500 ล้านยูโร โดยผลการดำเนินงานทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นายฟิลิปป์ กล่าวว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป สะท้อนถึงการเริ่มต้นที่แข็งแกร่งของแผนกลยุทธ์ ‘Lifetime Partner 27: Driving Excellence’ โดยยังคงสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในธุรกิจประกันภัย และแพลตฟอร์มการบริหารสินทรัพย์ระดับโลกของกลุ่มเจนเนอราลี่
โดยเฉพาะในด้านธุรกิจกลุ่มประกันวินาศภัย (P&C) ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในทุกภูมิภาคหลัก ซึ่งเป็นผลจากการที่มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับกลุ่มประกันชีวิตที่มีการเติบโตของเงินไหลเข้าสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากสายธุรกิจที่เราให้ความสำคัญ ส่วนด้านธุรกิจการบริหารสินทรัพย์ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงด้วยรับแรงสนับสนุนจากการควบรวมกิจการของ Conning Holdings Limited
“ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลจากความทุ่มเทของพนักงานทุกคนและเครือข่ายตัวแทน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า และมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการเป็น Lifetime Partner ให้กับลูกค้าพร้อมยกระดับขีดความสามารถหลักของกลุ่มและพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเจนเนอราลี่ กรุ๊ป จะเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นตามแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน พร้อมสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน”
หมายเหตุ อัตราขายถัวเฉลี่ย 1 ยูโร เท่ากับ = 38.5089 บาท (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย: bot.or.th