BAM ยอดเก็บหนี้สูงดันกำไร
คุณค่าบริษัท
บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM โครงสร้างรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 1. รายได้บริหารจัดการ NPL 83.86% 2. รายได้บริหารจัดการ NPA 15.59% 3. รายได้อื่น ๆ 0.29% 4. ส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุน 0.26%
BAM รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 216.77 ล้านบาท ลดลง 48.80% จากไตรมาส 1/2567 และลดลง 58.54% จากไตรมาส 4/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 522.78 ล้านบาท กำไรสุทธิไตรมาส 1 ต่ำกว่าที่ บล.หยวนต้า และตลาดคาดการณ์ 9.9% และ 32.3% ตามลำดับ โดยปัจจัยกดดันหลักมาจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง 21.2% จากไตรมาส 4/2567 แบ่งเป็น 1. ยอดขาย NPL ผ่านกรมบังคับคดีลดลง 5.3% จากไตรมาส 4/2567 2. ยอดขาย NPA แบบไม่ผ่อนชำระผ่านบริษัทลดลง 29.4% จากไตรมาส 4/2567 และ 3. ยอดขาย NPA แบบผ่อนชำระผ่านบริษัทโดยตรงลดลง 64.1% จากไตรมาส 4/2567 สะท้อนภาพกิจกรรมการขายอสังหาฯ มือสองที่ชะลอตัว
ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 25.3% จากไตรมาส 4/2567 มากกว่าคาด 10.5% หลังผลเรียกเก็บเงินสดของบริษัทลดลงต่ำ กว่าประมาณการ และต่ำกว่าเป้าหมายที่ BAM ตั้งไว้ในช่วงที่เศรษฐกิจขาดแรงหนุนใหม่ ๆ ส่วนการบริหารค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ทำได้ดี โดยอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ลดลงเหลือ 29.2% จาก 32.7% ในไตรมาส 4/2567 และ 29.6% ในไตรมาส 1/2567
ผู้บริหาร BAM คงเป้าผลเรียกเก็บเงินสดปี 2568 ไว้ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 3.2 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2568 เนื่องจากผู้บริหารคาดว่ายอดโอนทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และหนี้เสีย (NPL) ไตรมาส 2/2568 จะสูงถึง 3 พันล้านบาท และผลเรียกเก็บเงินสดในครึ่งแรกของปี 2568 จะสูงถึง 8 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาท CEO คนใหม่ของ BAM เผยกลยุทธ์ว่า BAM จะมุ่งเป้าไปที่นักลงทุนรายย่อยมากขึ้นเพื่อลงทุนใน NPA ของ BAM เพื่อเพิ่มยอดขายในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้ โดยมองว่า BAM จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่มีมูลค่าสุทธิสูง
BAM จะบันทึกผลเรียกเก็บสูงเป็นพิเศษในไตรมาส 2/2568 จาก NPA รายใหญ่ 1 ราย และ NPL รายใหญ่ 1 ราย เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2568 โดย BAM ได้แจ้ง SET ว่าบริษัทได้ขายที่ดินเปล่าจำนวน 50 แปลง ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ในราคา 1.45 พันล้านบาท และเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568 บริษัทได้รับชำระเงินจำนวน 2.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ NPL รายใหญ่รายหนึ่ง เมื่ออิงกับข้อมูลจาก BAM ผลเรียกเก็บเงินทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ราว 7 พันล้านบาทในไตรมาส 2/2568 เพิ่มขึ้น 77% จากไตรมาส 2/2567 และ 119% จากไตรมาส 1/2568 ดังนั้น บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จึงปรับเพิ่มประมาณการผลเรียกเก็บเงินสดในปี 2568 จาก 1.5 หมื่นล้านบาท มาเป็น 1.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%
ข้อมูลจาก LSEG Consensus สำหรับ BAM ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2568 ที่ 10,236.67 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 1,949.39 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 7.38 บาท จาก 5 โบรกเกอร์
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ของ BAM ขึ้น 19% โดยหลักจากการปรับเพิ่มประมาณการผลเรียกเก็บ ปัจจุบันคาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 จะเพิ่มขึ้น 18% มาที่ 1,890 ล้านบาท จากแรงหนุนจากคาดการณ์ผลเรียกเก็บจะเพิ่มขึ้น 17% ในปี 2568 นอกจากนี้ ยังสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจากผลเรียกเก็บเงินสดจะลดลงจากการกำหนดราคาเชิงรุกมากขึ้น ต้นทุนทางการเงินจะลดลงเล็กน้อย และค่าธรรมเนียมการจัดการจะเพิ่มขึ้นจาก JVAMC
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น BAM ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 22 ก.ค. 2568 ที่ 7.55 บาท) เทรดที่ P/E 17.49 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ ที่ 17.40 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น BAM อยู่ที่ 0.55 เท่า ต่ำกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ ที่ 1.06 เท่า