IATAเปิดกลไกจับคู่ธุรกิจเชื้อเพลิงSAF เผยปี68สัดส่วนซัพพลายแค่0.7%
เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่ผลิตจากแหล่งที่ยั่งยืน เช่น น้ำมันพืช หรือน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว องค์กรเหล่านี้ไม่เพียงแต่ธุรกิจสายการบินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลูกค้าสายการบิน ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์น้ำมันเชื้อเพลิง และบริษัทตัวแทนขนส่งสินค้า ผู้เข้าร่วมมีกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก แม้เจตนาความร่วมมือเพื่อความยั่งยืนจะกระจายอยู่ทั่วไปอย่างกว้างขวางแต่ในทางปฎิบัติจริงเรื่องของความยั่งยืนยังต้องใช้ความพยายามอีกมาก
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มจับคู่เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดซื้อจัดจ้างเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน (SAF) ระหว่างสายการบินและผู้ผลิตเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน
“การจับคู่คำขอจัดหาเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืนกับข้อเสนอ เมื่อมีการจับคู่ สายการบินและซัพพลายเออร์สามารถเชื่อมต่อและเจรจาแบบออฟไลน์เพื่อตกลงเงื่อนไขเฉพาะ รวมถึงราคาและเงื่อนไขการชำระเงิน”
SAF Matchmaker จะช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ประสิทธิภาพ: การมีแพลตฟอร์มกลางจะช่วยให้การจัดซื้อเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืนง่ายขึ้น โดยทำให้ทุกฝ่ายสามารถเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้นโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม แพลตฟอร์มนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนาตลาดการจัดหาเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืนโดยสมัครใจ
การเชื่อมต่อ: ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์เชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืนสามารถแสดงปริมาณเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืนที่มีอยู่หรือที่วางแผนไว้ ขณะที่สายการบินสามารถลงทะเบียนแสดงความสนใจในการจัดซื้อเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืนตามปริมาณที่แสดงหรือที่ต้องการได้ การซื้อขายที่เกิดขึ้นในภายหลังจะเกิดขึ้นนอกแพลตฟอร์ม
การมองเห็น: แพลตฟอร์มนี้นำเสนอข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับ SAF ที่มีอยู่ เช่น ปริมาณ วัตถุดิบที่ใช้ ที่ตั้งและเทคโนโลยีการผลิต การลดการปล่อยก๊าซ รวมถึงการปฏิบัติตามโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสำหรับการบินระหว่างประเทศ (CORSIA) หรือข้อกำหนดด้านพลังงานหมุนเวียนของสหภาพยุโรป (EU RED)
“เพื่อให้บรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เราจำเป็นต้องมีตลาด SAF ที่เข้าถึงได้ โปร่งใส คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ SAF Matchmaker เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของงานที่ IATA กำลังดำเนินการเพื่อสร้างตลาด SAF ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ แพลตฟอร์ม SAF Matchmaker จะช่วยเร่งการใช้งาน SAF ด้วยการลดต้นทุนและความซับซ้อนที่สายการบินต้องเผชิญเมื่อค้นหาซัพพลายเออร์ SAF” มารี โอเวนส์ ทอมเซน รองประธานอาวุโสฝ่ายความยั่งยืนและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IATA กล่าว
SAF Matchmaker รองรับการซื้อแบบ Spot Purchase และข้อตกลงการรับซื้อ และในช่วงแรกจะให้บริการเฉพาะสายการบินและซัพพลายเออร์ SAF เท่านั้น ในอนาคต ผู้ซื้อ SAF รายอื่นๆ เช่น บริษัทที่ไม่ใช่ธุรกิจการบิน ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน
SAF Matchmaker จัดขึ้นบน Aviation Energy Hub ซึ่งเป็นพื้นที่ดิจิทัลส่วนกลางที่ออกแบบมาเพื่อให้อุตสาหกรรมการบินสามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ใช้งานได้จริง ซึ่งสนับสนุนการจัดการพลังงานการบิน
ข้อมูลจาก IATA เผยถึงคาดการณ์ว่าการผลิตSAFว่า กำลังจะบรรลุปริมาณที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 2 ล้านตันในปี 2568 อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการผลิตแบบทวีคูณ เนื่องจากยังคงน้อยกว่า 1% ของความต้องการเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ททั่วไปทั้งหมด
“เมื่อปี 2567 การผลิตSAF ปริมาณ 1 ตัน และในปี 2568 คาดว่าจะผลิตเพิ่มได้เท่าตัว หรือ 2 ตัน แต่ปริมาณที่เพิ่มขึ้นนี้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.7% ของความต้องการใช้เชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมการบินทั้งหมด หรือ 311 ตัน ในปี 2568”
สำหรับ การประมาณการปริมาณSAF ปี 2568 พิจารณาปัจจัย โรงกลั่นเชิงพาณิชย์แห่งใหม่ๆเริ่มการผลิตในปี 2568 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเพิ่มเติมในช่วงปลายปีนี้ ชี้ให้เห็นว่าในระยะสั้น อุปทานดูเหมือนจะเพียงพอต่อความต้องการ แม้ราคาเงื่อนไขหลักอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยการเติบโตของอุปทานในระยะยาวและการขยายขนาดเทคโนโลยีใหม่ยังคงมีความไม่แน่นอน, ปัจจัยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ การค้า และนโยบาย ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ,ปัจจัยแรงจูงใจที่คาดการณ์ได้และระยะยาวเป็นสิ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่และปัจจัยการขยายขนาดการผลิต ผู้กำหนดนโยบายต้องมั่นใจว่าวัตถุดิบที่มีอยู่ได้รับการจัดลำดับความสำคัญเพื่อลดคาร์บอนในภาคการบินที่ลดการปล่อยคาร์บอนได้ยาก จึงต้องเพิ่มผลผลิต SAF สูงสุด