เตือนภัยบัญชีม้ารูปแบบใหม่ LINE BKผู้ลักลอบเปิดไปขายต่อ ระวังโทษหนัก
เตือนภัยบัญชีม้ารูปแบบใหม่ LINE BKผู้ลักลอบเปิดไปขายต่อ ระวังโทษหนัก
วัน 1 ส.ค.68 ที่ บก.สอท.2 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว เตือนภัยบัญชีม้ารูปแบบใหม่ LINE BK ผู้ลักลอบเปิดไปขายต่อ ระวังโทษหนัก
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
สืบเนื่องจาก กก.4 บก.สอท.4 ได้สืบสวนพบขบวนการลักลอบรับซื้อบัญชี LINE BK โดยมีบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านลักลอบเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามารับซื้อจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดฐานหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์
จากการสืบสวนพบว่า ขบวนการดังกล่าว เสนอค่าตอบแทนในการเปิดบัญชีเพียง 1,500 บาท ต่อราย โดยให้เจ้าของบัญชีสมัครใช้งาน LINE BK ผ่านแอปพลิเคชัน LINE แล้วส่งมอบโทรศัพท์มือถือที่ผูกบัญชีให้กับผู้ว่าจ้าง ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่ามีประชาชนถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้า LINE BK แล้วเกือบ 1 ล้านบาท
สำหรับบัญชี LINE BK นั้น เป็นบัญชีเงินฝากรูปแบบหนึ่งที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน LINE สามารถใช้ทำธุรกรรม เช่น โอนเงิน สมัครสินเชื่อ ถอนเงิน หรือสแกน QR Code ได้โดยสะดวกผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ต้องใช้สมุดบัญชี ซึ่งปัจจุบันพบว่ามิจฉาชีพนิยมรับซื้อบัญชี LINE BK จากประชาชนทั่วไป เพื่อนำไปใช้เป็นบัญชีม้ารูปแบบใหม่ในการหลอกลวงผู้อื่น ทดแทนบัญชีธนาคารรูปแบบเดิมที่โดนมาตรการควบคุมจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับผู้ที่ขายบัญชี LINE BK ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย และอาจโดนดำเนินคดี ดังนี้
1. พระราชกำหนดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มาตรา 9 “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณา ชักชวน ซื้อ ขาย จำหน่าย ให้ยืม หรือให้ใช้ซึ่งบัญชีธนาคาร บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีผู้ใช้งานในระบบคอมพิวเตอร์ของตน หรือของผู้อื่น หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีดังกล่าวแก่ผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นใช้ในการกระทำความผิดตามกฎหมาย ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 (ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน) “ถ้าการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ได้กระทำโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือโดยอาศัย ข้อความอันเป็นเท็จบนสื่อสาธารณะ หรือด้วยการหลอกลวงประชาชนทั่วไป ให้เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน” ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินห้าปี และปรับ ไม่เกินหนึ่งแสนบาท
3. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550(แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560) มาตรา 14 (1) “ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน… โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษตามมาตรานี้” ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินห้าปี หรือปรับ ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
4. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 (ผู้สนับสนุน)“ผู้ใด ให้ความช่วยเหลือในการกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด ให้ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดนั้น” ต้องรับโทษ ลดจากโทษของผู้กระทำความผิดลงหนึ่งในสาม”
ตำรวจไซเบอร์จึงขอเตือนภัยประชาชนอย่าหลงเชื่อ “ค่าตอบแทนลวงโลก” อย่าเห็นแก่ค่าตอบแทนเล็กน้อยจากการเปิดบัญชี LINE BK ให้บุคคลอื่นใช้เด็ดขาด เพราะหากบัญชีนั้นถูกนำไปใช้ในการหลอกลวงประชาชน เจ้าของบัญชีอาจต้อง รับผิดทางอาญา เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอาชญากรรม