โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“กกร.” คาดการณ์ “จีดีพี” ปีนี้โต1.8-2.2%

สยามรัฐ

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กกร.ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีปีนี้โต 1.8-2.2% คาดครึ่งหลังปีนี้ ส่งออกชะลอตัว ภาษีทรัมป์ชัดเจน 19%

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.68 นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจ (GDP) ไทยปี 68 มาอยู่ที่ 1.8-2.2% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.5-2.0% รวมทั้งปรับเพิ่มประมาณการส่งออกไทยปีนี้ เป็น 2-3% จากเดิม -0.5 ถึง 0.3% ซึ่งจากความสำเร็จในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ส่งผลให้สินค้าจากไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ (Reciprocal tariffs) ในอัตรา 19% ลดลงจากที่สหรัฐฯ เคยประกาศไว้ที่ 36% ซึ่งทำให้สินค้าจากไทยจะไม่เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน

โดยเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปีนี้ มีแนวโน้มชะลอตัว โดยการส่งออกอาจแผ่วลง หลังหมดปัจจัยชั่วคราวจากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ในเดือนส.ค.68 นอกจากนี้ จะมีการแข่งขันด้านราคาที่มากขึ้น ภาวะเงินบาทแข็งค่าขึ้น รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจนอกระบบ และกำลังซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดลงจากปัญหาเงินเฟ้อ รวมถึงรายได้จากการท่องเที่ยวชะลอตัวลง และผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และต้นปี 2569 อาจะมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะภาคส่งออก ที่จะได้รับผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้นจากกรณีภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงการแข่งขันจากประเทศคู่แข่งที่สูงขึ้น ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเภทสินค้า และปริมาณสต็อกสินค้าที่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ที่ประชุม กกร. เห็นว่า ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือทั้งในระยะสั้น และการเปลี่ยนผ่านในระยะข้างหน้า ในระยะสั้นการแข่งขันด้านราคาจะเพิ่มขึ้นทั้งสินค้าที่ไทยส่งออกและสินค้าที่ขายในประเทศที่จะแข่งขันกับสินค้าที่ไทยเปิดตลาดนำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบกลุ่มที่มี Margin ต่ำ และต้องเร่งสำรวจการใช้ Local Content เพื่อลดความเสี่ยงภาษี transshipment รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนพิธีการศุลกากร และการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่ขายในประเทศ

"นโยบายการค้าของสหรัฐฯ เป็น Wake-up Call ให้ไทยใช้โอกาสนี้ ในการปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของภาคเอกชน โดยเฉพาะ SME ทั้งการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม กำหนด Priority Sectors ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ ยกระดับกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเพิ่ม local content เพิ่ม Productivity ลดต้นทุน ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ยกระดับทักษะแรงงานของไทยในประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจที่แท้จริง" นายผยง ระบุ

ขณะเดียวกัน กกร.เห็นว่าไทยยังขาดข้อมูลสำคัญด้านโครงสร้างการผลิตรายอุตสาหกรรม เช่น การใช้วัตถุดิบขั้นต้นและขั้นกลางในประเทศ รวมถึง Regional Value Content (RVC) ซึ่งภาคเอกชนได้เริ่มสำรวจและเก็บข้อมูลพื้นฐาน เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เพื่อให้มีฐานข้อมูลที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ และหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง เพื่อการตัดสินใจและเจรจาภายใต้การค้าโลกรูปแบบใหม่ บทบาทของไทยในอาเซียน สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าโลก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

‘สว.ธณัชญ์พงศ์’ แจ้งความถูกปลอมลายเซ็น หลังชื่อลงในคำร้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ชง “ศาลรธน.” สอย 136 สว.

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รบ.เสริมแกร่งศกดึง 6 บริษัทยักษ์ร่วมลงทุน 5.1 หมื่นล.

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ย้ำไม่ถอยกำลัง! เขตอธิปไตยไทย

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...