ย้ำไม่ถอยกำลัง! เขตอธิปไตยไทย

“มทภ.2” ลั่น “กองทัพ” ไม่ถอยกำลัง 11 จุด เขตอธิปไตยไทย หวัง “จีบีซี” ได้ข้อสรุปที่ดี สั่งกำลังพลโรยปูนขาวฆ่าเชื้อ หลังกลิ่น"ศพทหารกัมพูชา"ฟุ้งภูมะเขือ รวบสายลับ “ชาวกัมพูชา” พร้อมของกลางชุดเครื่องแบบทหารและอาวุธปืน เจ้าตัวอ้างปลดประจำการแล้ว “ตร.”ยังไม่ปักใจเชื่อ

เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 6 ส.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อกัมพูชาว่า เราจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดู

เนื่องจากเป็นการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรง ไม่ใช่เป็นการฟ้องศาลโลก แต่ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าไปดูว่าจะใช้ช่องทางใดฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกัมพูชา

เมื่อถามถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย จากการรายงานของเจ้าหน้าที่มีแนวโน้มเป็นเช่นไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า แนวโน้มยังไม่ทราบ อยู่ที่ข้อเท็จจริง เนื่องจากขณะนี้ยังคุยไม่จบ เอาไว้คุยให้จบ

เมื่อถามว่าในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) จะได้ข้อยุติหรือไม่ หรือยังต้องคุยกันอีก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ทราบ

ด้าน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อกัมพูชา จากเหตุการณ์ก่อความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะยื่นเรื่องไปศาลไหน ยังศึกษาอยู่ แต่เราได้ยื่นฟ้ององค์กรระหว่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 16.00 น. จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อรวบรวมข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ที่มีการประชุมของฝ่ายเลขานุการ ซึ่งข้อสรุปในที่ประชุม สมช.วันนี้ จะเป็นตัวชี้วัดการประชุมจีบีซีในวันที่ 7 ส.ค. ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทั้ง 2 ประเทศจะหารือกัน

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวถึงการยื่นฟ้องกัมพูชาต่อองค์กรระหว่างประเทศว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และดูเรื่องข้อกฎหมาย ยอมรับว่ามีช่องอยู่ หากใช้การฟ้องร้องระหว่างประเทศ ส่วนการฟ้องจะผูกมัดให้ไทยยอมรับอำนาจศาลโลกหรือไม่นั้น จะต้องดูอย่างถี่ถ้วนว่าหากใช้แล้วจะมีผลผูกมัดไปถึงเรื่องอื่นหรือไม่

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(จีบีซี) ที่ประเทศมาเลเซีย เข้าสู่วันที่ 3 เริ่มขึ้นใน เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เพื่อหาข้อสรุปแก้ไขปัญหา ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ว่า วานนี้ (5 ส.ค.) ได้ไปตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า พื้นที่ดังกล่าวยังคงมีกลิ่นศพทหารกัมพูชาอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งเราได้ประสานไปยังกองทัพกัมพูชา ให้จัดทีมมาเก็บศพทหารของตนเองที่เสียชีวิตกลับไปทำพิธีเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีกระแสว่ามีการสั่งให้กำลังพล นำปูนขาวไปเทป้องกันเชื้อโรค พลโท บุญสิน กล่าวว่า เราหาวิธีดับกลิ่น เพื่อไม่ให้สภาพแวดล้อมเป็นพิษ โดยเฉพาะโรคระบาดต่างๆ

เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ ไม่ได้สั่งให้ทหารไทยไปเก็บศพทหารกัมพูชา พลโท บุญสิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของทหารกัมพูชา และเราไม่มีคำสั่งให้ไปเก็บศพทหารกัมพูชาแต่อย่างใด โดยให้กัมพูชาดำเนินการเอง

เมื่อถาม ปัญหาช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี วานนี้มีเหตุกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย เรื่องการรื้อรั้วลวดหนาม พลโท บุญสิน กล่าวว่า เขาพยายามขึ้นมา มีกระทบกระทั้งนิดหน่อย แต่ไม่พกอาวุธขึ้นมา แต่เรายืนยันว่ามีความจำเป็น เพื่อป้องกันการวางกำลังของฝ่ายเรา ยืนยันช่องอานม้าไม่มีอะไร และทหารกัมพูชาก็กลับลงไปแล้ว

เมื่อถามว่า อนาคตอาจมีปัญหาขึ้นอีกหรือไม่ เพราะกัมพูชาเรียกร้องให้ทหารไทยออกจากช่องอานม้า พลโท บุญสิน กล่าวว่า เป็นปกติ แต่เราไม่ถอย ซึ่งทั้ง 11 จุด เราทำแบบเดียวกัน คือ การวางรั้วลวดหนาม และนำกำลังไปวางไว้ บนภูมะเขือ ก็เช่นกัน มีการวางกำลัง เพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่เรียบร้อยต่อแผ่นดิน และยืนยันว่า เราอยู่ในเขตประเทศไทย ไม่ได้รุกล้ำหรือยึดพื้นที่นอกประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลและกองทัพอยู่แล้ว

เมื่อถามอีกว่า มีโอกาสจัดระเบียบชายแดนหรือไม่ พลโท บุญสิน กล่าวว่า ส่วนของกองทัพ เราจัดระเบียบไปเรื่อยๆ ส่วนการเจรจาอะไรที่ยั่งยืนก็ให้เป็นเรื่องของรัฐบาล

เมื่อถามว่า วันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการทั่วไปชายแดนไทย - กัมพูชา (จีบีซี) อาจได้ข้อสรุป และนำเข้าสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เบื้องต้นเป็นอย่างไรบ้าง พลโท บุญสิน กล่าวว่า หวังว่าทิศทางจะดีขึ้น เพราะเราไม่อยากให้ใช้กำลังต่อกันอยู่แล้ว ซึ่งต้องดูว่าจะลงตัวอย่างไร ส่วนจุดยืนของกองทัพ ยืนยันว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูง เราเห็นพ้องต้องกันว่า เราจะไม่ถอยกำลัง อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าควบคุมตัวนายวิน ดา อายุ 36 ปีชาวกัมพูชา ภายในบ้านพักที่บ้านโคกสูง ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ โดยการตรวจค้น ภายในบ้านพบของกลางเป็นอาวุธปืน 1 กระบอก และชุดเครื่องแบบทหารกัมพูชา ยศร้อยเอก พร้อมตราสัญลักษณ์หน่วยองครักษ์พิทักษ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน หลายชุด

พ.ต.อ.อัษฎไณย ป้องกัน ผู้กำกับการ สภ.ลำดวน กล่าวว่า จากการสอบปากคำ นายวิน ให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าเคยเป็นทหารและปลดประจำการมาตั้งแต่ปี 2564 อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบข้อมูลการเดินทางระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเดินทางครั้งล่าสุดที่เพิ่งกลับมาในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้จะต้องประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง

ด้านนางสาวจอย ภรรยา ให้การว่า รู้จักกับนายวินที่บาร์โฮสแห่งหนึ่งในพัทยาเมื่อ 3 ปีก่อน และใช้ชีวิตอยู่กินกันเรื่อยมา มีลูกชายวัย 1 ขวบเศษด้วยกัน แต่ไม่ทราบว่าสามีเป็นทหารหรือไม่ และไม่รู้ว่าเครื่องแบบทหารที่พบในบ้านนั้นมาจากที่ใด พร้อมปฏิเสธไม่รู้ว่าสามีเดินทางเข้าไทยถูกกฎหมายหรือไม่

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสายวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ ตำรวจสอบสวนกลาง CIB สืบจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายความมั่นคง เข้าตรวจค้นโกดังบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโกดังเก็บและนำเข้าโดรน และเครื่องตรวดจับสัญญาณโดรน ใน อ.เมือง จ.สมุทรปราการจากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ไปพบ 1.โดรน จำนวน 29 รายการ 2.กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ จำนวน 38 เครื่อง 3.ปืนรบกวนสัญญาณโดรน จำนวน 129 กระบอก 4.เครื่องรบกวนสัญญาณ จำนวน 16 เครื่อง 5.รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ จำนวน 1 คัน 6.อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อีกจำนวน 50 รายการ โดยมีผู้จัดการเป็นคนไทย ออกมาให้ข้อมูลและความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ จึงยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไปตรวจสอบที่ กสทช.