“กทม.” ลุยศึกษาสร้าง “ต่อขยายสายสีเขียว บางหว้า-ตลิ่งชัน” 3.3 หมื่นล้าน
รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักการจราจรและขนส่งได้จัดการประชุมสัมมนาประชาสัมพันธ์โครงการ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนโครงการหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน (Market Sounding Stakeholder Forum)
โครงการศึกษาและวิเคราะห์ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 (ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน) ให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
ที่ผ่านมาสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 ช่วงบางหว้า - ตลิ่งชัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม
รวมถึงคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร การวิเคราะห์ผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน ตลอดจนรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เสร็จแล้วในปี 2559
อย่างไรก็ดีพบว่าโครงการการลงทุนดังกล่าวต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งหากเป็นการลงทุนจากภาครัฐเพียงอย่างเดียวนั้น
จะไม่สามารถระดมเงินทุนได้เพียงพอ เนื่องจากมีข้อจำกัดในด้านการระดมทุนและการดำเนินนโยบายด้านการลงทุนที่ต้องคำนึงถึงเสถียรภาพการคลังของประเทศด้วย นอกเหนือจากการใช้เงินกู้ทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ
รายงานข่าวจาก กทม.กล่าวต่อว่า กทม. จึงมีแนวคิดการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน (PPP) ซึ่งเป็นรูปแบบการดำเนินงานที่ภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
ด้วยเหตุนี้สำนักการจราจรและขนส่ง จึงมีความจำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิเคราะห์โครงการดังกล่าว ให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
ทั้งนี้กทม.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 ช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน ประกอบด้วย บริษัทอินฟราทรานส์ คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัทอวานการ์ด จำกัด บริษัทแพลนโปร จำกัด บริษัทพีเอสเค คอนซัลแทนส์ จำกัด ฯลฯ โดยเริ่มดำเนินงานเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ระยะเวลา 290 วัน และสิ้นสุดสัญญาวันที่ 8 มีนาคม 2569
ขณะเดียวกันหลังจากการสัมมนาในครั้งนี้แล้วเสร็จ โดยบริษัทที่ปรึกษาจะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนนำมาพิจารณาประกอบการศึกษาของโครงการก่อนนำเสนอต่อกทม.รับทราบ
จากนั้นจะจัดสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นการลงทุนโครงการของภาคเอกชนอีกครั้งในช่วงประมาณเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนนี้ เพื่อนำเสนอผลการศึกษา การวิเคราะห์และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อให้ภาคเอกชนได้รับทราบต่อไป
แหล่งข่าวจากบริษัทที่ปรึกษาฯ กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 ช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน ตามผลการศึกษาเดิมมีมูลค่าทั้งโครงการรวม 33,937 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้างงานโยธา 11,050 ล้านบาท
ค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ 3,019 ล้านบาท ค่าบริการทางวิศวกรรม 734 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษา 15,029 ล้านบาท ค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 2,100 ล้านบาท ค่าจัดการค่าโดยสาร 752 ล้านบาท ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,252 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมจากรายงานชี้แจงครั้งที่
ตามมติเห็นชอบของคชก.เพื่อให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้ตามแผนจะกำหนดศึกษาและจัดทำรายงานร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนภายในปี 2569 ก่อนเสนอไปยัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะกรรมการ (บอร์ด) PPP
จากนั้นจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการภายในปี 2570 โดยดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ในปี 2570 -2571 และดำเนินก่อสร้างโครงการระหว่าง ปี 2572 – 2575 และพร้อมเปิดให้บริการ ในปี 2576
ส่วนการคาดการณ์ค่าโดยสารจากผลการศึกษาเดิมมีการวิเคราะห์ค่าโดยสารแบ่งออกเป็น 2 กรณี ประกอบด้วย 1. ค่าโดยสารคงที่ โดยวิเคราะห์ที่ 3 อัตรา คือ 10 12 และ 15 บาท 2.ค่าโดยสารกรณีรวมรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสายสีลมตอนที่ 2 และ 3 (S9-S18) แล้วเก็บค่าโดยสารในระบบ MRT Standardization
ทั้งนี้ในกรณีคิดค่าโดยสารคงที่ 10 บาท มีปริมาณผู้โดยสารสูงที่สุดอยู่ที่เกือบ 1.4 แสนคน-เที่ยวต่อวันตลอดสัญญาสัมปทาน 30 ปี และกรณีเก็บค่าโดยสารในระบบ MRT Standardization มีปริมาณผู้โดยสารน้อยที่สุดอยู่ที่ 1.2 แสนคน-เที่ยวต่อวันตลอดสัญญาสัมปทาน 30 ปี
แหล่งข่าวจากบริษัทที่ปรึกษาฯ กล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบการร่วมลงทุนที่เหมาะสมด้านการเงินของโครงการฯพบว่า ภาครัฐมีความประสงค์ที่จะดำเนินการโครงการส่วนต่อขยาย 3 ซึ่งรูปแบบการร่วมลงทุนที่เหมาะสมกับโครงการฯ มีทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ การจ้างเดินรถ และ PPP
ทั้งนี้เนื่องด้วยสัญญาสัมปทานหรือสัญญาจ้างเดินรถของสายหลักและส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ซึ่งก าลังจะหมดลงในปี 2572 และ 2585 ตามลำดับ ที่ปรึกษาจึงวิเคราะห์ทั้งรูปแบบการร่วมลงทุนของโครงการส่วนต่อขยาย 3
และการรวมสัญญาระหว่างสายหลักและส่วนต่อขยายที่ 1 ต่อขยายที่ 2 และต่อขยายที่ 3 ภายหลังจากการหมดสัญญาข้างต้น อีกทั้งจะต้องนำข้อมูลจากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมาวิเคราะห์ด้วย
ด้านรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ทั้ง 3 รูปแบบ ดังนี้ 1. PPP Net Cost โดยรัฐให้สิทธิเอกชนเป็นผู้รับรายได้ของโครงการ โดยอาจกำหนดให้เอกชนจ่ายค่าสัมปทานหรือส่วนแบ่งของรายได้ให้กับ ภาครัฐตามข้อกำหนด 2. PPP Gross Cost รัฐเป็นเจ้าของรายได้ของโครงการ
โดยภาคเอกชนจะได้รับค่าตอบแทน Availability Payment จากรัฐตามเงื่อนไขในเรื่องของคุณภาพการให้บริการ 3.PPP Modified Gross Cost มีลักษณะคล้าย Gross Cost แต่จะกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมเพื่อเป็นแรงจูงใจให้เอกชนพัฒนาการบริการ เช่น เอกชนมีโอกาสได้รับส่วนแบ่งรายได้
สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 ช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน เป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 หรือ M-MAP 2 เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนเพชรเกษม และถนนราชพฤกษ์
นอกจากนี้ยังรองรับการขยายตัวของเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งธนบุรี โดยได้มีรายงานศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดเบื้องต้นเดิมที่จัดทำขึ้นในปี 2558
ทั้งนี้โครงการฯ มีจุดเริ่มต้น ที่จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS บริเวณสถานีบางหว้า โดยแนวเส้นทางจะวิ่งไปทางทิศเหนือ ตามแนวเกาะกลางถนนราชพฤกษ์ ผ่านทางแยกตัดถนนบางแวก ผ่านทางแยกถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4
จากนั้นจะยกระดับข้ามทางแยกถนนบรมราชชนนี และทางด่วนสายกาญจนาภิเษก และมาสิ้นสุดโครงการที่บริเวณทางลาดลงของสะพานข้ามทางรถไฟสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน
ระยะทางรวมประมาณ 7.5 กิโลเมตร รวมจำนวน 6 สถานี ได้แก่ สถานีบางแวก สถานีบางเชือกหนัง สถานีบางพรม สถานีอินทราวาส สถานีบรมราชชนนี และสถานีตลิ่งชัน