‘สุกี้พรศิริ’ ร้านขายเมนูธรรมดาแต่โดนใจ จากการใช้ Marketing จริงใจที่สำคัญกว่าสูตรลับ
ใครจะคิดว่า ‘ร้านสุกี้’ ที่เริ่มจากเตาเดียว รถเข็นหนึ่งคัน และขายแค่วันละไม่กี่ชั่วโมงในพื้นที่ลานจอดรถ จะกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารที่คนไทยพูดถึงถล่มทลายในโลกโซเชียล
‘สุกี้พรศิริ’ เกิดจากความตั้งใจจะขายซอสสูตรพิเศษในชื่อ Sauce Master ของ ‘เชฟอั้ม-พีชญา สุขวิบูลย์’ เจ้าของร้าน แต่เมื่อรู้ว่าไม่มีงบพอสำหรับโฆษณา จึงเปลี่ยนวิธีคิดใหม่หมด ด้วยการหาช่องทางทางให้คนได้ชิมโปรดักต์นี้ ผ่านการเปิดร้านสุกี้ ซึ่งเป็นอาหารที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกเพศทุกวัย ร้านนี้ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของธุรกิจ แต่คือเครื่องมือการตลาดที่ถูกใช้คุ้มกับทุกทรัพยากรที่มี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ พนักงาน หรือเวลา
สุกี้พรศิริจึงไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดา แต่คือแผนการตลาดที่กลายเป็นธุรกิจจริง
แตกต่างด้วยความธรรมดาที่คนลืมไปแล้ว
อยากเปิดร้านที่ขายซอสแบบอ้อมๆ ทำไมต้องสุกี้แห้ง?
นอกจากต้มยำกุ้ง ผัดไทย อีกหนึ่งเมนูอาหารไทยที่ทุกคนรู้จักแต่กลับลืมไปคือ ‘สุกี้ผัดแห้ง’ ซึ่งกินได้ทุกเพศทุกวัย เชฟอั้มเลือกเปิดร้านอาหารที่ขายแต่สุกี้แห้ง เพราะมองว่าเป็นเมนูที่จะเข้ากับซอสมาสเตอร์ได้ดีอีกด้วย
สุกี้พรศิริวางตัวเป็นร้านสุกี้แห้งแบบ Specialty ที่สร้างกระแสได้ตั้งแต่วันแรก เพราะเชฟอั้มเลือกทำเมนูอย่าง ‘วุ้นเส้นผัดไข่ไม่ใส่ผัก’ และตั้งชื่อเมนูแบบให้คนสงสัย เช่น ‘เกาหลัง’ ผัดเนื้อน่องแก้วกับไข่ที่ไม่มีเส้นกับผัก หรือ ‘ร่างทอง’ อกไก่ผัดกับไข่ที่ไม่มีเส้นกับผัก เพื่อให้เกิดบทสนทนา และอยากให้ให้ลูกค้าสนุกกับอาหาร
จริงใจคือกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่ทัศนคติ
สุกี้พรศิริไม่มีเงินจ้างพรีเซนเตอร์ ไม่มีแผนคอนเทนต์ จึงเลือกใช้ความจริงใจในการเล่าทุกอย่างผ่านโซเชียลมีเดีย พยายามพูดถึงเนื้อหาที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่ข้อดีของร้าน แต่รวมถึงวันที่ของหมด วันระบบล่ม หรือแม้แต่ดราม่าต่างๆ ของร้าน ที่เป็นบทเรียนสอนใจ ซึ่งอาจเป็นดาบสองคมสำหรับแบรนด์
สิ่งที่น่าทึ่งคือ หลายครั้งคนไม่ด่า แต่ให้กำลังใจอย่างเข้าใจ เพราะมองว่าร้านได้สื่อสารก่อนแก้ปัญหา และเล่าความจริงอย่างตรงไปตรงมา
นี่คือ CEO Branding แบบไม่ได้ตั้งใจ และเป็นการตลาดที่ทรงพลังที่สุดในยุคที่ผู้บริโภคเห็นทุกอย่างบนหน้าจอ
ไม่ต้องพร้อม แค่ต้องกล้าลอง
หนึ่งในแนวคิดที่ทรงพลังที่สุดของเชฟอั้มคือ ‘คิดได้ก็ทำเลย’ ไม่ต้องรอให้แผนสมบูรณ์ ไม่ต้องมั่นใจว่าผลลัพธ์จะดี
เชฟอั้มไม่ได้รอให้ทุกอย่างพร้อม ไม่ได้มีแผนธุรกิจหนาเป็นปึก หรือเงินลงทุนก้อนโต เธอแค่มีความตั้งใจ มีซอสสูตรพิเศษที่อยากให้คนได้ลอง และมีลานจอดรถว่างในเวลาที่ไม่มีใครใช้
แม้วันเปิดระบบเดลิเวอรี่ครั้งแรกจะเจอวิกฤตหนัก จากที่ลูกค้ากดสั่งพร้อมกันกว่าพันออเดอร์ ระบบล่ม ต้องปิดร้านกระทันหัน เธอก็เลือกที่จะไม่หลบ ไม่อาย แต่สื่อสารกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา แก้ปัญหาหน้างานทันที และเรียนรู้เพื่อไม่ให้พลาดซ้ำอีก
ทุกอย่างเริ่มจากการลงมือ แล้วค่อยๆ ปรับจากความเป็นจริง ไม่ใช่จากทฤษฎี
จากร้านเล็กสู่แฟรนไชส์ แต่ไม่ขายใครง่ายๆ
วันนี้ เชฟอั้มกำลังเตรียมขยายสุกี้พรศิริสู่แฟรนไชส์ แต่เธอไม่เลือกขายให้ใครก็ได้ เพราะตั้งเป้าแล้วว่าคนที่จะร่วมดูแลแบรนด์สุกี้พรศิริไม่ใช่แค่คนมีเงิน แต่ต้องเป็นคนที่อยากโตไปด้วยกัน พร้อมรักษามาตรฐาน และเข้าใจว่าแบรนด์นี้ไม่ได้สร้างจากกำไร แต่เกิดจากหัวใจ
เธอยังไม่ยอมปล่อยร้านเหมือนพ่อแม่ที่ยังไม่ยอมให้ลูกออกจากบ้าน จนกว่าจะมั่นใจว่าลูกคนนี้จะเติบโตอย่างเข้มแข็ง
ถอด 4 บทเรียนสำหรับผู้ประกอบการ
- อย่าถามว่า “จะขายอะไร” แต่ให้เริ่มจาก “มีอะไรอยู่ในมือ”แล้วใช้สิ่งนั้นสร้างเส้นทางของตัวเอง
- อย่ารอให้แผนพร้อม 100%เพราะไม่มีทางรู้ว่าตลาดจะตอบสนองอย่างไร จนกว่าจะได้ลองจริง
- ความจริงใจคือพลังการตลาดที่ดีที่สุดในยุคที่ทุกคนรู้ทันแบรนด์
- การเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่แค่การทำกำไรแต่คือการสร้างบางอย่างที่คุณอยากดูแลมันด้วยหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ‘การลงมือทำ’ คือเคล็ดลับความสำเร็จที่ถูกต้องที่สุด เพราะบางครั้ง สิ่งที่ขับเคลื่อนแบรนด์ให้เติบโต ไม่ใช่แผนที่สมบูรณ์แบบ แต่คือการเริ่มต้นโดยไม่กลัว การเรียนรู้จากหน้างาน และการกล้าตัดสินใจในเวลาที่ใช่
สุกี้พรศิริไม่ใช่ร้านอาหารที่เริ่มจากความตั้งใจจะขายอาหาร แต่มันคือบทพิสูจน์ว่าการตลาดที่ดี เริ่มจากความเข้าใจลูกค้า และกล้าที่จะซื่อสัตย์กับตัวเอง